แจ๊ซหัวหินกับผู้หญิงตัวเล็ก อุ้ย-รวิวรรณ จินดา

แจ๊ซหัวหินกับผู้หญิงตัวเล็ก อุ้ย-รวิวรรณ จินดา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4110

คอลัมน์ Exclusive Interview

โดย ณฐกร ขุนทอง /ภาพ ธนศักดิ์ ธรรมบุตร

ชื่อของอุ้ย-รวิวรรณ จินดา อาจคุ้นเคยดีกับสาวหนุ่มยุคก่อนที่ลืมไม่ลงกับเพลงเพราะๆ ของเธอ พี่ชายที่แสนดี

วันนี้ชื่อของเธอปรากฏขึ้นอีกครั้ง

มิได้ปรากฏในฐานะนักร้อง (รุ่นเก่า) ที่ขอกลับมาคืนสังเวียนเปิดอัลบั้มใหม่เพื่อเรียกแฟนเพลงให้กลับมากรี๊ดกับเสียงเพลงอันไพเราะ

หากแต่ชื่อรวิวรรณปรากฏในฐานะผู้บริหารของบริษัทฟาติมา บรอดคาสติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เข้าไปยึดพื้นที่จัดงานเทศกาล

หัวหินแจ๊ซเฟสติวัล 2009 ระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายนนี้ !

DLife จึงขอนัดคุยกับผู้หญิงตัวเล็กผู้พิชิตงานใหญ่ ซึ่งแม้เธอจะตัวแค่นี้ แต่เล็กพริกขี้หนูนะจะบอกให้ !

มาอยู่ฟาติมาฯตั้งแต่เมื่อไรคะ

เพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่เดือนเอง เดือนนี้เข้าเดือนที่ 8 ไม่นานหรอก (หรอก) เพราะเข้าไปครั้งแรกเขาให้ไปปรับโครงสร้างก่อนเลย ก็เลยต้องจัดการข้างในให้เรียบร้อย แทบไม่มีเวลาตั้งตัว และเวลาก็ผ่านไปเร็วมาก ซึ่งหน้าที่เรานอกจากการเข้าไปปรับโครงสร้างภายใน ยังมีเป้าหมายในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯที่ถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่

เป็นงานที่หนักขึ้นกว่าเดิมไหม

อุ้ยมองว่าใกล้เคียงกัน แต่ความรับผิดชอบเยอะขึ้น เพราะบริษัทใหญ่ขึ้น พอเข้ามาเป็น assistant MD ความรับผิดชอบจึงใหญ่ขึ้น ซึ่งตอนที่เราอยู่ บีเอ็นที เราดูแลแค่โปรแกรม แล้วก็ย้ายมา

เอ็มทีวี จากนั้นก็ไปอยู่ คลิ๊กเรดิโอ ที่นั่นนั่งตำแหน่งบริหารก็จริง แต่ทีมงานพร้อมทำงานกันมาเป็น 20 ปี ไม่ค่อยหนักใจ แต่พอมาตรงนี้ทีมงานใหม่หมด ก็ต้องมาเรียนรู้วัฒนธรรม เราจะเอาวัฒนธรรมในแบบของเรามาใช้เลยไม่ได้ ต้องค่อยๆ ปรับ ต้องดูว่าเขาทำงานกันอย่างไร

แต่ก็ยังแฮปปี้นะ เพราะแม้จะดูแลออฟฟิศ ดูคลื่นของฟาติมาฯที่มีอยู่ 10 คลื่น และดูมาร์เก็ตติ้ง งานของเราก็ไม่ได้นั่งแต่ออฟฟิศ เราได้ออกไปไหนมาไหน ไปอยู่ตามออฟฟิศลูกค้าบ้าง ก็เรามี

หน้าที่ทำให้ลูกค้าแฮปปี้ บางครั้งถ้าลูกค้าชอบคาราโอเกะก็ไปร้องคาราโอเกะกัน ไปเที่ยวเล่น กินข้าว (ยิ้ม)

กับงานแจ๊ซหัวหินคิดอย่างไรคะ ที่นำฟาติมาฯเข้าไปจัดงานบิ๊กอีเวนต์ครั้งนี้

ตอนที่อยู่บีเอ็นที แชลแนลวี เอ็มทีวี เราทำอีเวนต์มาตลอดจนชิน เรียกว่าอยู่ในสายเลือดแล้ว (หัวเราะ) พอเป็นอีเวนต์เราก็รู้สึกว่าชอบ มันคุ้นชิน และพอมาอยู่ฟาติมาฯเรารู้สึกว่าทำสื่ออย่างเดียวไม่ตอบโจทย์บางอย่าง เพราะมีเงื่อนไขที่ทำให้ลูกค้าบางรายซื้อกับเรายาก อย่างไฮเนเก้นจะซื้อยาก กลางวันไม่ได้ ได้คือสี่ทุ่ม แล้วเราจะเอาเม็ดเงินมาจากไหน ไม่งั้นเขาจะเอามาลงได้สักกี่บาทเชียว เลยคิดว่า กิจกรรมน่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ !

อย่างเช่น ลูกค้าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ไฮเนเก้นเราก็ใช้ มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง ตอบโจทย์เขาไป ลูกค้าที่เป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์เราอาจจะเป็นอีเวนต์อีกแบบ หรืออีเวนต์เกี่ยวกับแฟชั่น

อุ้ยเป็นคนที่ไปงานเทศกาลดนตรีบ่อยมาก หัวหินก็ไปบ่อย ใจหนึ่งเห็นแล้วอยากทำ พอดี ททท.โทร.มาบอกว่าปีนี้เข้ามาจัดงานแจ๊ซหัวหินไหม ปีนี้เขาจะหาออร์แกไนเซอร์ใหม่ ? เราก็ตกลงเข้าไป ททท.กับเราคุ้นเคยกันมาก่อน เพราะเขามีโปรไฟล์อุ้ยกับทีมงานวิลาสินี ตอนอยู่เอ็มทีวีเคยทำพัทยามิวสิกเฟสติวัลให้ ททท.ทำงานอะเมซิ่งไทยแลนด์ตอนไปทัวร์ต่างประเทศให้กับ ททท. เลย

คุ้นเคยและรู้ว่าผลงานเราเป็นอย่างไร

แรกๆ ไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกัน แต่ก็เข้าไปด้วยโปรไฟล์อันนั้น แล้วก็ไปทำงาน ตีโจทย์ คิดว่าทำงานแจ๊ซหัวหินเราควรจะมีอะไรแตกต่าง

คอนเซ็ปต์อะไรคะที่เบียดรายเก่าและอีกหลายรายตกไป

อุ้ยไปเฟสติวัลต่างประเทศมาเยอะ เลยคิดว่าเฟสติวัลเมืองไทยยังไม่เป็นเฟสติวัลจริงๆ ถ้าเป็นเฟสติวัลจริงๆ ต้องเที่ยวได้ตั้งแต่สายๆ คนสามารถมาเดินเล่น มาทำเวิร์กช็อปกับศิลปิน ทำกิจกรรม

ทั้งวันทั้งคืน เราจึงเสนอไป 2-3 อย่าง อันแรกต้องมองว่าหัวหินเป็นเมืองในหลวง พระองค์ประทับที่นั่น และพระองค์ก็ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางดนตรีแจ๊ซ งานแจ๊ซจัดที่ไหนจึงไม่เหมาะเท่ากับหัวหิน เราก็เลยคิดว่าควรใช้เฟสติวัลนี้ทริบิวต์ให้ในหลวงของเราเลย ศิลปินที่มาเล่นในงานนี้ต้องเล่นเพลงพระราชนิพนธ์อย่างน้อย 1 เพลง บางวงเล่น 3-4 เพลง เราก็เอามาเป็นจุดขาย

สอง คือศิลปินต่างประเทศที่เรานำเข้ามาเป็นศิลปินดัง งานนี้บอกได้เลยว่า ถ้าไม่ดัง ดึงดูดคนไม่ได้ ต้องมีตัวดังสัก 1-2 ตัว อุ้ยมีหลายรายเลยล่ะ และไม่ได้นำมาแตกเป็นวงเล็กวงน้อย แต่ยกมาทั้งวงเลย อย่าง Shakatak จากอังกฤษ, Popsanova นำโดยมาร์เซลา มังกาเบอิรา จากบราซิล, Malene Mortensen จากเดนมาร์ก แล้วก็มีวง Mocca จากอินโดนีเซีย วง Estrella จากมาเลเซีย วง The Brass Munkeys จากฟิลิปปินส์ วง Noon จากญี่ปุ่น แล้วก็วงไทยเล่นแจ๊ซมาหมด (ยิ้ม)

ดูจะเป็นแนวพ็อปแจ๊ซส่วนใหญ่ แล้วอรรถรสของการฟังแจ๊ซจะหายไปไหมคะ

ทุกปีจะเป็นลักษณะที่มีให้คนชอบแจ๊ซจริงๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าบางคนที่ไปไม่ได้ชอบแจ๊ซจริงๆ แต่นานๆ ทีจะมีสถานที่สวยมากๆ อยู่ริมทะเล มีเวทีตั้งอยู่ริมทะเล บรรยากาศสวยๆ มีเพลงให้ฟัง คนก็มุ่งหวังไป แต่พอมีวงที่เล่นแจ๊ซแบบฮาร์ดคอร์ กลุ่มนี้จะเอ๋อๆ แล้วเราจะเห็นภาพคนค่อยๆ เดินกลับห้อง วันแรกของการจัดงานอาจเต็ม พอวันที่สองคนเริ่มหาย

ปีนี้อุ้ยคิดว่าไม่ได้เราต้องผสมผสานกัน แจ๊ซที่นำมาแบบฮาร์ดคอร์ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นพ็อปแจ๊ซมาผสมเพื่อให้คนมีความรู้สึกว่ามาแล้วมีความสุขดีกว่า

อุ้ยมีความรู้สึกว่า สถานการณ์บ้านเมืองก็แย่ขนาดนี้ คนเครียดขนาดนี้ ถ้าต้องมาจัดฮาร์ดคอร์แจ๊ซ มาแล้วแทนที่จะผ่อนคลาย หาความสุขให้ตัวเอง อยากแฮปปี้ คนคงผิดหวัง ตอนเลือกวงจึงเลือกอะไรผสม อย่างวง Wednesday April จะเป็นแจ๊ซจ๋าเลย นอกนั้นก็ผสม มีลูลา, ดูบาดู, ลูกหว้า เล่นเพลงอะไรมาคนรู้จัก ร้องได้ ถ้าเพอร์ฟอร์มดีด้วย คนจะแฮปปี้ สามวันก็อยู่ได้ เชื่อเถอะ ไปดูแล้วจะแฮปปี้

แต่ทุกปีคนที่เข้ามาจัดงานมักประสบปัญหาที่คนสะท้อนในเรื่องของการจัดการ

สิ่งที่เราเสนอไป คือเราลงรายละเอียดเรื่องการบริหารพื้นที่ การจราจร มีจุดจอดรถได้ 4 จุด 6 พันคัน มี รปภ.เฝ้า มีรถรับส่งจากที่จอดรถมางาน ใครอยากจะกลับตอนไหนก็ได้ ระบบการรักษาความปลอดภัย เรื่องน้ำไฟ ไดเร็กเทอรี่ เพลสเซ็นเตอร์ เราอาศัยทำงานพวกนี้มามากจนชินแล้ว เราทำงานแบบอุดทุกจุด แม้แต่แม่ค้ารถเข็นเราก็เข้าไปคุยด้วย ต้องให้เขารู้ว่าเรามาทำงานในพื้นที่ เราพาคนมาหาเขา ไม่ใช่มาแย่งพื้นที่เขา ทุกปีจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ตั้งบูทไม่ได้ มีเรื่องกันทุกปี โรงแรมด้วย อุ้ยก็เลยต้องลุย ต้องไปคุยกับทุกโรงแรม คนในพื้นที่ สุดท้ายได้รับความร่วมมือ เราสามารถตั้งเวทีอยู่หน้าโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา ได้

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสริม คือปลูกต้นไม้ เก็บขยะที่ชายหาดทุกเช้า เราต้องทำให้เห็นว่าเรามา

สร้างให้เขา ไม่ได้มาทำลาย !

ศิลปินทุกคนก็จะมาร่วมด้วย ศิลปินต่างประเทศจะเปิดเวิร์กช็อป อย่าง Malene Mortensen สอนร้องเพลง, มือคีบอร์ดวง Shakatak สอนคีย์บอร์ด ฯลฯ เปิดฟรีให้คนสนใจ ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากโรงแรมดีมาก เปิดห้องให้เวิร์กช็อปเลย โซฟิเทล ฮิลตัน แมริออท

เวลาลงพื้นที่เจอปัญหาเยอะไหม เพราะคุณอุ้ยเป็นผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว

เจอปัญหาเยอะ เราก็ต้องเข้าไปบอกว่าเราไม่ใช่รายเดิมนะ ค่อนข้างโดนเยอะ อย่างบางรายแรกๆ ไม่รับนัดเลย เราก็อาศัยลูกตื๊อ เราบอกว่าเราเป็นออร์แกไนเซอร์ใหม่ ถึงได้ยอมรับนัด พอเข้าไปคุยสองวันแรกหูชาเลยนะ เราก็จดอย่างเดียวเท่านั้น จะได้ไม่ทำแบบที่แล้วมา...

อุ้ยคิดว่า คนอยู่ในหัวหิน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ โรงแรม แม่ค้า เขาสำคัญสำหรับเมือง ถ้ามีกิจกรรมอะไรที่เกิดขึ้นกับเมือง เขาต้องได้รับความสำคัญ อะไรที่เขาไม่มีส่วนร่วม เขาก็คงโกรธแน่ และถ้าเมืองไม่ให้ความร่วมมือ คนในพื้นที่ไม่ให้ความร่วมมือ เราทำงานยากนะ เวที 3 วันควรเสร็จ กลายเป็นไม่เสร็จ แย่นะ ค่าแรงเจอเข้าไปเท่าไหร่ คนจัดตายกับตาย เราก็ยอมทุกอย่าง โดนด่าก็เอา ไม่งั้นเราทำงานยาก พอเราได้รับความร่วมมือปุ๊บ โซฟิเทลเปิดทางให้ขนของลงไปตั้งเวที ได้เซฟตั้งเท่าไหร่

เห็นว่าเวลาทำงานกระชั้นมาก ทั้งการจัดการ การหาสปอนเซอร์

เหนื่อย แต่ก็สนุกดีค่ะ เพราะปีนี้กระชั้นมาก กว่าจะสรุปได้ ต้องรออาเซียนซัมมิทจบก่อน ปลายเดือนมีนาคมถึงได้คำตอบ เรามีเวลาแค่นั้นเอง ตอนนั้นไปหาใครก็ยังไม่ได้ ต้องรอหนังสือแต่งตั้งก่อน แต่เราก็ต้องไปคุย พอไปคุยกับใครไม่มีใครคุยกับอุ้ยเลยนะ ทุกคนไม่เชื่อว่าเราได้ !!! เขาจะถามหาหนังสือยืนยันกันหมด ทั้งสปอนเซอร์ ซัพพลายเออร์ไม่คุยกับเราเลย อุ้ยจึงต้องไปเร่งหนังสือจากจังหวัด

สปอนเซอร์หายากมาก งบฯคราวนี้ใช้ประมาณ 20 ล้าน ยังไม่ครบเลย (หัวเราะ) คือเวลามัน

กระชั้นชิดเท่าที่เขาตัดสินใจ เราต้องขอบคุณเลยนะ ทั้ง ททท.,ไฮเนเก้น, โออิชิ ที่ตัดสินใจเร็วมาก ยังไม่จบ แต่ยังไม่ถึงงาน วันที่ 12 โน่นแน่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่น่าห่วงนะ คิดว่าน่าจะพอดีกับงบฯที่ใช้

ต้องบอกเลยว่า งานนี้ไม่มีกำไร แค่ศิลปินอย่างเดียวก็ 5-6 ล้านแล้ว แต่ละคนต้องซื้อมาเต็มราคา เรายอม เพราะถือเป็นอีเวนต์ใหญ่โปรเจ็กต์แรกของบริษัทฟาติมา อยากให้เป็นโปรไฟล์ ทุกอย่างจึงต้องดี เครื่องเสียงต้องดี ต้องเอบวก คนอื่นไม่ใช้ แต่รวิวรรณใช้ เพราะถ้าไปดูดนตรีแล้วเครื่องเสียงไม่ดี ไม่มีความสุข ถ้าเครื่องเสียงดี ดนตรีดี บรรยากาศดี คนฟังได้นาน คิดดูสิ มีฟรีคอนเสิร์ตที่ไหนไม่ใช้พี่แจ๊คซาวด์ แต่เราใช้ ต้องกัดฟันเลยนะ (ยิ้ม) เพราะอุ้ยคิดแล้วว่า ถ้าคนต้องฟังตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน เสียงต้องดี ต้องฟังแล้วมีความสุข

แถมเรายังโดนกดดันจากฟอร์ด, โก้ แซ็กแมน และคนในวงการว่า เวลาจัดต้องเลือกเครื่องเสียงดีๆ นะพี่...คล้ายๆ จะฟังดูดี แต่เพรสเชอร์เรานะ (หัวเราะ) พี่แจ๊คก็น่ารัก แกบอกว่า เพิ่งมีครั้งแรกที่คนจัดคอนเสิร์ตเป็นคนในวงการจริงๆ แกบอกว่า แกสบายใจมาก คุยแล้วสบายใจ ถ้าเป็นออร์แก

ไนเซอร์อื่นจะคิดถึงงบฯก่อน แต่อุ้ยจะเข้าใจ จะประนีประนอมว่างบฯไม่ถึง ลดหน่อย แต่อยากได้ดีๆ ด้วย เขาก็จะไปทำการบ้านมาใหม่ จะคอนโทรลให้เสียงอยู่ตรงไหน จุดที่เสียงดี มีรัศมีเท่าไหร่

อุ้ยบอกกับทุกคนตรงๆ นะว่า งานนี้เป็นงานแรก เรามีบัดเจตแค่นี้ ต้องขอเขามาช่วยๆ กัน คนในวงการก็เลยกอดคอกันอย่างที่เห็น ! :D (หน้าพิเศษ D-Life) หน้า 12

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook