ผัวคลั่งฟันหัวเมียดับคาสวนฯอ้างไม่พอใจที่ไปกรีดยางพารา

ผัวคลั่งฟันหัวเมียดับคาสวนฯอ้างไม่พอใจที่ไปกรีดยางพารา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(30ธ.ค.) เวลา 04.30 น. พ.ต.ท.สุบิน หวานแท้ สารวัตรเวร ฯ สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในสวนยางพารา หมู่ 3 บ้านห้วยเร็จ ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผกก.พ.ต.ท.เธียร บาลทิพย์ รอง ผกก.สส.ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยาการ จ.ตรัง เจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์เวร รพ.ตรัง ที่เกิดเหตุพบร่างของผู้เสียชีวิตจมกองเลือด ทราบชื่อ น.ส.ภมร ด้วงห้อย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 3 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ. ตรัง ในสภาพอยู่ในชุดกรีดยาง และสวมรองเท้าบูท มีบาดแผลถูกฟันด้วยมีดพร้า เข้าที่บริเวณเหนือกกหูขวาเป็นแผลฉกรรจ์เหวอะหวะ ยาว 8 ซม.จนกะโหลกแตกยุบมันสมองไหล และที่หน้าผาก รวม 2 แผล นอกจากนั้นยังพบมีดพร้า มีดกรีดยาง และรองเท้าของสามีผู้ตาย ซึ่งเป็นมือมีดรายนี้ตกหล่นในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า มือมีดรายนี้ คือ นายสาโรจน์ บัวเขียด อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสามีผู้ตาย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.เธียร บาลทิพย์ รอง ผกก.สส.ระดมกำลังชุดสืบสวน อปพร.กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่กว่า 20 คน เข้าจับกุมนายสาโรจน์ที่บ้านพักที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ

// //

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนร้องเรียกให้นายสาโรจน์เปิดประตูออกมามอบตัว แต่นายสาโรจน์ไม่ยอมเปิด ทางญาติพี่น้องและชาวบ้านต่างช่วยกันพังประตูเข้าไป และเกิดการชุลมุนกันขึ้นโดยนายสาโรจน์ได้คว้ามีดพร้า ซึ่งอยู่ภายในบ้านออกมาไล่ฟันชาวบ้าน และเตรียมจะแย่งปืนจากเอวเจ้าหน้าที่ แต่ชาวบ้านที่มีมากกว่าได้ใช้มีดและไม้รุมทำร้ายจนนายสาโรจน์ได้รับบาดเจ็บ ทางตำรวจจึงได้นำตัวส่ง รพ.ตรัง เพื่อรักษาบาดแผลที่บริเวณศรีษะ แก้มขวา และนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งถูกของมีคมและไม้ทุบตี ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองตรัง พร้อมกับแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

จากการสอบสวนนายสาโรจน์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือทำร้ายภรรยาตัวเองจนเสียชีวิต โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้มีดพร้าฟัน แต่ใช้ไม้หน้าสามทุบตีภรรยาจนเสียชีวิตดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนนอนหลับอยู่ในบ้านก็ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ก็มองเห็นว่าภายในสวนยางมีแสงไฟของคนกรีดยาง จึงทราบได้ทันทีว่าเป็นภรรยาเข้ามากรีดยางในสวนอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ห้ามปรามแล้วว่า อย่าเข้ามากรีดยางในสวนดังกล่าวอีก หากเข้ามาจะตีให้ตาย แต่ภรรยาก็ยังไม่เชื่อ เมื่อตนเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปในสวนยางที่ภรรยากำลังกรีดยางอยู่ และคว้าไม้หน้าสามที่วางอยู่บนพื้นทุบตีภรรยาที่ท้ายทอยและต้นคออย่างไม่ยั้ง จนล้มฟุบแน่นิ่งลงกับพื้น จากนั้นได้ถือไม้หน้าสามเดินกลับเข้าบ้านเพื่อใช้มีดพร้าผ่าออกเป็น 2 ซีก และโยนเข้ากองไฟเผาทำลายหลักฐานทิ้ง และซ่อนตัวอยู่ในบ้านตามปกติ กระทั่งตำรวจมาจับกุมดังกล่าว

นายสาโรจน์ ยังให้การต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องลงมือทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต นั้น เนื่องจากระแวงว่าภรรยาจะมีชู้ และที่ผ่านมาได้แยกกันอยู่ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยหลังจากแยกกันอยู่ ภรรยาก็ได้พาลูกทั้งสองคนไปอยู่กับบ้านพี่สาวที่บ้านนาปด ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง และจะไปๆมาระหว่างบ้านพี่สาวและบ้านที่ตนพักอาศัยอยู่ เพื่อมากรีดยาง สำหรับสวนยางพาราที่ภรรยาเข้าไปกรีดนั้น เดิมเป็นของภรรยา จำนวน 14 ไร่ ซึ่งเป็นคนมีฐานะคนหนึ่ง แต่ตนไม่ให้เข้าไปกรีด จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ด้านพนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายสาโรจน์เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่างที่ขัดแย้ง ทั้งพยานหลักฐานมีดพร้าเปื้อนเลือดที่ตกในที่เกิดเหตุ อีกทั้งการสอบปากคำนายสาโรจน์ยังให้การอย่างไม่สะทกสะท้าน กลับแสดงอาการพอใจที่ภรรยาตัวเองเสียชีวิต และนอกจากนั้นจากการสอบถามญาติยังระบุว่า นายสาโรจน์ยังมีประวัติเสพยาและกัญชาจนเกิดอาการประสาทหลอนคลุ้มคลั่ง จนต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่ก็รักษาไม่ต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาอาการกำเริบ และหากใครอยู่ใกล้ก็จะถูกทำร้าย โดยเฉพาะผู้ตายมักจะถูกสามีทุบตีทำร้ายร่างกายเป็นประจำ สุดท้ายด้วยความกลัวจึงต้องพาลูกทั้งสองคน หนีไปอยู่กับพี่สาวในพื้นที่ ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง โดยแยกกันอยู่ประมาณ 1 ปีแล้ว และผู้ตายจะกลับมาพักที่บ้านหลังดังกล่าวเมื่อมากรีดยางเท่านั้น กระทั่งมาเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้น

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook