คดียิงเปาด.2 คืบ ตำรวจได้เบาะแส ยันต้องใช้เวลา

คดียิงเปาด.2 คืบ ตำรวจได้เบาะแส ยันต้องใช้เวลา

คดียิงเปาด.2 คืบ ตำรวจได้เบาะแส ยันต้องใช้เวลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

  ผกก.สภ.พัทลุง เผยค้นเป้าหมายไร้หลักฐาน ชี้ผู้ต้องสงสัยไหวตัวทัน ไลน์แมนผู้เคราะห์ร้ายให้การน้อย ขอเวลาสืบคดีเพิ่มพร้อมลั่นลากผู้ทำผิดลง โทษคดียิงเปาด.2 ฝั่งปธ.ศูนย์ฯใต้กำหนดสนาม 3 แมตช์ แบนเหย้าพัทลุง ใช้นาทวีและพรุค้างคาว

ความคืบหน้าล่าสุดคดีสะเทือนขวัญ ยิงเปา ด.2 จากแมตช์การแข่งขันคู่ระหว่างพัทลุง เอฟซี พบ กระบี่ เอฟซี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2554 ทางด้าน สภ.พัทลุง ได้มีการเปิดเผยโดย พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผกก.สภ.เมืองพัทลุงได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า

วานนี้ทางตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายที่คาดว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ก็ไม่พบหลักฐานที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะไหวตัวทัน ทำให้ไม่พบหลักฐานอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ

อย่างไรก็ดีพ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผกก.สภ.เมืองพัทลุงได้กล่าวว่า จะต้องนำผู้ที่ก่อเหตุและกระทำผิดในคดีนี้มาลงโทษให้ได้เพียงแต่ต้องใช้เวลา ในการหาหลักฐานพอสมควร

เนื่องจากตัวของนายเจริญ มัชฉาวานิช ไลน์แมนเคราะห์ร้ายให้การยังไม่กระจ่าง และอยากให้ช่วยให้การให้เป็นประโยชน์ให้มากกว่านี้ ซึ่งทางสภ.พัทลุง ไม่ได้นิ่งนอนใจอย่างแน่นอน และต้องยอมรับว่ามีอิทธิพลมือมืดมาก

ส่วนทางด้านนายสุพัฒน์ ธรรมเพชนร ประธานศูนย์พัฒนากีฬาอาชีพโซนภาคใต้ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้หนังสือจากฝ่ายจัดของดิวิชั่น 2 ได้มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางสโมสรได้ทำหนังสือส่งไปยังสโมสรพัทลุง เอฟซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 โดยจากการตัดสิทธิ์ห้ามทีมพัทลุง เอฟซี ลงเล่นในบ้านจำนวนทั้งสิ้น 3 นัด เริ่มตั้งแต่ วันที่ 2 เม.ย.54 พัทลุง เอฟซี พบ ตรัง เอฟซี, วันที่ 8 พ.ค.54 พัทลุง เอฟซี พบ นรา ยูไนเต็ด, วันที่ 21 พ.ค.54 พัทลุง เอฟซี พบ ปัตตานี เอฟซี

ซึ่งแมตช์แรกที่จะพบกับตรัง เอฟซีนั้นให้ไปใช้สนามกีฬานาทวี แมตช์ที่สองและสาม ที่จะพบกับนราฯ ยูไนเต็ด และ ปัตตานี เอฟซี นั้นใช้สนามพรุค้างคาวแทน

ซึ่งหนังสือดังกล่าวคาดว่าจะถึงสโมสรพัทลุง เอฟซีในวันสองวันนี้ และจะต้องเรียกทีมสโมสรพัทลุง เอฟซีเพื่อหารือในเรื่องสนามที่จะใช้ในการแบน 3 นัดอีกครั้ง

นอกจากนี้ทาง สุพัฒน์ ธรรมเพชร ยังได้กล่าวถึงกรณีลอบยิงเปาว่า “อาจต้องใช้เวลาในการสืบหาตัวผู้ก่อเหตุล่าช้ามาก เพราะที่จะอยากสืบสวนให้แน่ชัดว่าผู้ต้องหาไม่ใช่แพะรับโทษแทน และถือเป็นเรื่องโชคดีที่ทาง พล.ต.ต ดำรง วัฒโนคร ผบ.สส.ภ.9 ได้ลงมาดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง

แต่ในเรื่องของรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากจะเสียรูปคดี และที่สำคัญคดีนี้จะต้องไม่เงียบและจะต้องล่าตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุมาให้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียต่อวงการฟุตบอลในประเทศ และในจังหวัดพัทลุงเองด้วย

ซึ่งหากผู้ก่อเหตุเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆของสโมสรหรือรู้เห็นกับ เรื่องดังกล่าว สโฒสรจะถูกตัดสิทธิ์ออกทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook