‘คิง เคนนี่’กับมิสชั่นที่อิมพอสซิเบิล???

‘คิง เคนนี่’กับมิสชั่นที่อิมพอสซิเบิล???

‘คิง เคนนี่’กับมิสชั่นที่อิมพอสซิเบิล???
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขอบคุณ ฮอตสกอร์ ที่ให้พื้นที่ และที่สำคัญที่สุดก็คือโอกาสกับผมในการมาถ่ายทอดเรื่องราว และมุมมองต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

ผมหวังจะใช้คอลัมน์นี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของทีมที่เคยได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษมาแล้ว และ รอวันที่จะกลับไปยืนอยู่ ณ จุดนั้นอีกครั้ง

ฤดูกาล 2011/2012 ใกล้ที่จะเปิดฉากเข้ามาทุกขณะแล้ว ตามโปรแกรมการแข่งขันในเดือนสิงหาคม ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมจะลงเตะในลีก 3 เกมด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การเฝ้าบ้านเจอกับ ซันเดอร์แลนด์ ในนัดแรกสุด (13 ส.ค.)

หลังจากนั้นต้องยกทัพไปเยือนรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล (20 ส.ค.) ก่อนจะปิดท้ายเดือนแรกของฤดูกาลใหม่ด้วยการกลับมาปักหลักที่ แอนฟิลด์ อีกครั้ง เพื่อพบกับ โบลตัน (23 ส.ค.)

ระหว่างที่กำลังขีดเขียนคอลัมน์นี้ ที่ประเทศอังกฤษ กำลังอยู่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในหัวเมืองใหญ่หลายเมืองของประเทศ ดังที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกในเวลานี้

ทำให้หลายฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายจัดการแข่งขันอย่าง พรีเมียร์ลีก ก็ต้องประชุม และเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถให้โปรแกรมการแข่งขันที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นได้ลงเตะกันตามเดิมได้หรือไม่

ก็ได้แต่หวังว่าท้ายที่สุดแล้ว นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษคนปัจจุบัน มิสเตอร์ เดวิด คาเมร่อน จะสามารถแก้ปัญหา และยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ให้บานปลาย และสร้างความเสียหายให้แก่ทั้งภาพลักษณ์, ทรัพย์สิน และชีวิต ไม่ว่าจะทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล หรือประชาชน ที่ออกมาสร้างความวุ่นวายในท้องถนนก็ตาม

กลับมาที่ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง แน่นอนว่าหลังจากที่โดนคู่ปรับตลอดกาลในแง่ของศักดิ์ศรีการเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงหน้าทำสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครองเป็นสมัยที่ 19 เป็นทีมแรกได้ในซีซั่นก่อน ก็ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ ลิเวอร์พูล ร้อนใจ และอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของทีมในซีซั่นนี้

ในส่วนของสตาฟฟ์โค้ช การจากไปของ แซมมี่ ลี อาจจะดูหม่นหมองสักนิดสำหรับแฟนรุ่นเก่าๆ ของทีม เพราะ “เสือเตี้ย” แห่งรั้วแอนฟิลด์ผู้นี้ ก็นับเป็นผู้รับใช้สโมสรที่ซื่อสัตย์ที่สุดคนหนึ่งมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี คู่คิดของ เคนนี่ ดัลกลิช ตัวจริงยังเป็นคนบ้านเดียวกันกับเขานั่นก็คือ สตีฟ คล้าร์ก ซึ่งผ่านงานโค้ชกับยอดโค้ชในอดีตมาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับตัวของ ดัลกลิช และ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่ นิวคาสเซิล, การได้เป็นคู่คิดของ โจเซ่ มูรินโญ่ ในการนำ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในรอบ 50 ปี

ไม่นับรวมกับการที่ไปช่วยเกลอเก่าอย่าง จิอันฟรังโก้ โซล่า ในการพา เวสต์แฮม หนีการตกชั้นสำเร็จ ทว่าก็ไม่วายต้องโดนเด้งหลุดจากตำแหน่ง เพราะไม่ถูกใจเจ้าของสโมสรร่วมอย่าง เดวิด โกลด์ และ เดวิด ซัลลิแวน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เวสต์แฮม ต้องตกชั้นในฤดูกาลต่อมาอีกด้วย

คิง เคนนี่ ให้เครดิต กับ คล้าร์ก ไม่น้อย โดยเขาเชื่อว่า อดีตนักเตะลูกหม้อของ เชลซี ผู้นี้เป็นโค้ชที่รอบรู้ และมีประสบการณ์ที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ แม้ว่าประเพณีบู๊ตรูมจะล่มสลายไปนานแล้ว แต่แม้จะเก่งอย่างไร เคนนี่ ก็ต้องมีผู้ช่วยที่ดีในการนำทีมกลับมาลุ้นแชมป์อีกครั้งให้จงได้ (บู๊ตรูม คือ ห้องใช้เก็บรองเท้าของบรรดาผู้เล่น แต่ บิล แชงค์ลีย์ ปรมาจารย์ผู้ล่วงลับ ได้นำมาใช้เป็นห้องวางแผนการเล่น และปรึกษาหารือกันในหมู่สตาฟฟ์โค้ช โดยสมาชิกบู๊ตรูมหลายต่อหลายคนมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมารับช่วงต่อในการเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในเวลาต่อๆ มาด้วย ไม่ว่าจะเป็น บ็อบ เพสลีย์, โจ เฟแกน, เคนนี่ ดัลกลิช, รอย อีแวนส์)

ในส่วนของการเสริมทีม ซึ่ง ลิเวอร์พูล ถูกจับตามองอย่างมากว่าจะสามารถคว้าตัวผู้เล่นคนใดมาร่วมทัพได้อีก หลังจากบอร์ดบริหารของทีมได้อนุมัติเงินก้อนโตไปแล้วในช่วงตลาดรอบสองของฤดูกาลก่อนในการคว้าตัวผู้เล่นอย่าง แอนดี้ คาร์โรลล์ รวมถึง หลุยส์ ซัวเรซ มาร่วมทีมด้วยเงินก้อนโตแม้จะต้องแลกกับการเสียดาวเตะอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส ออกไปก็ตาม

ซัมเมอร์นี้ เคนนี่ ได้เงินไปเสริมทีมอีกไม่น้อย และเขาจัดการเสริมกองกลางของทีมเป็นการใหญ่ด้วยการดึงตัวดาวเตะที่ผ่านเวทีพรีเมียร์ลีก และโชว์ฟอร์มได้ดีในซีซั่นก่อนอย่าง ชาร์ลี อดัม และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เข้ามาเสริมทีม

บวกกับการได้ตัวดาวเตะทีมชาติอังกฤษอย่าง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เข้ามาอีกราย รวมถึงการได้ อเล็กซานเดอร์ โดนี่ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน มาจาก โรม่า เท่ากับ เคนนี่ ดัลกลิช เอง ก็ได้นักเตะเข้ามาตามที่เขาเล็งเห็นแล้วว่า ลิเวอร์พูล ยังต้องการขุมกำลังในส่วนใดเพิ่มเติมจากในฤดูกาลก่อนอีกบ้าง

แต่ที่แฟนๆ ต่างรู้สึกเป็นห่วง และยังเกิดเครื่องหมายคำถามก็คือ ทำไม ดัลกลิช ถึงยังใจเย็นกับการเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวรับให้กับ “หงส์แดง” ตัวนี้

ข่าวล่าสุดก็คือ โฆเซ่ เอ็นริเก้ แบ็กเลือดสเปนของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มีโอกาสได้ย้ายมาสวมยูนิฟอร์มสีแดงไม่น้อย ไม่นับรวมกับ ไรอัน ชอว์ครอสส์ อดีตเด็กปั้นของ แมนฯยูไนเต็ด และเป็นกัปตันทีมของ สโต๊ค คนปัจจุบันที่ตกเป็นข่าวมานานพอสมควรแล้ว

รวมถึง สก็อตต์ แดน จาก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ทีมในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่ก็เล่นได้แข็งแกร่งไม่น้อยในการจับคู่กับ โรเจอร์ จอห์นสัน แม้ว่าท้ายที่สุดทีม “ตราลูกโลก” จะเอาตัวไม่รอดจากพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลก่อนก็ตาม

เกมรับเป็นสิ่งที่ เคนนี่ ดัลกลิช ไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะจากฟอร์มอุ่นเครื่องในช่วงปิดซีซั่น เราจะเห็นว่า ลิเวอร์พูล ยังผสมผสานผู้เล่นทั้งตัวเก๋ามากประสบการณ์ กับพวกดาวรุ่งสายเลือดของทีม ให้ได้ลงสนาม

แต่จากผลงานที่ออกมาก็ฟ้องชัดเจนว่าแนวรับที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอแน่ หาก ลิเวอร์พูล คิดจะกลับมาทวงความสำเร็จให้ได้ในปีหน้า ก็ต้องติดตามกันว่าผลงานการออกสตาร์ตนัดแรกกับ ซันเดอร์แลนด์ จะสวยงาม หรือน่าประทับใจเพียงใด

ในการพบกันครั้งหน้า นอกเหนือจากควันหลงต่างๆ จากเกมที่ ลิเวอร์พูล ลงเตะ หรือมีโปรแกรมจะลงเตะ ผมจะพยายามสอดแทรกข้อมูลเก่าๆ ที่น่าสนใจมาฝาก เพื่อให้เหล่า เดอะ ค็อป ได้อ่านกันอย่างจุใจ

และท้ายที่สุดขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับ ลิเวอร์พูล ในการเรียกศักดิ์ศรีเก่าๆ ของทีมกลับมา เพราะไม่ว่าทีมจะตกต่ำ หรือก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเพียงใดอยู่ก็ตาม เดอะ ค็อป ทุกคนจะไม่มีวันเดินเดียวดายอย่างแน่นอนครับ


เรื่องโดย มาร์ค สุรเดช

ขอบคุณข้อมูลจากคอลัมน์ my liverpool

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook