ลิเวอร์พูล....นิว ลุค!

ลิเวอร์พูล....นิว ลุค!

ลิเวอร์พูล....นิว ลุค!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ลิเวอร์พูล นิว ลุค"เค้าว่ากันอย่างนั้น ในปีที่ เคนนี่ ดัลกลิช กลับมาทำงานเต็มรูปแบบ ไม่เหมือนกับปีก่อนที่ครึ่งๆ กลางๆ

แต่หลังจากเล่นเกมแรกไปแล้ว "ลุค" ของทีมก็ยังคงเหมือนกับซีซั่นที่แล้ว

นั่นคือเล่นดีเดี๋ยวเดียว และกดดันคู่แข่งต่อเนื่องไม่เป็น

แฟนบอลหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่มันหงส์แดง หรือว่า ผีกระสือกันแน่ แค่วูบๆ วาบๆ มาเร็วเคลมเร็วเกินไป

บุคลิกของทีมนั้น ที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนมีเรื่องเดียว นั่นก็คือการจ่ายบอลสั้นที่ดีขึ้น รวดเร็วและแม่นยำ ในสไตล์ที่ทุกคนเรียกว่า “พาส แอนด์ มูฟ”

เพียงแต่ว่า นักเตะใหม่นั้นจะต้องใช้เวลาทำความรู้จัก และเข้าใจกันให้มากกว่านี้ ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ ไม่ต้องเกรงใจกันระหว่างเล่น

ชาร์ลี อดัม คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด บางครั้งอาจจะเปิดยาว บางครั้งอยากจะจ่ายไปซ้าย แต่กลับตัดสินใจยังไม่ดี

แต่ก็ไม่เสียหายไปกว่าการเลือก "แบ็กขวา" ลงสนาม

ดัลกลิช อาจจะติดใจไอ้หนู จอห์น ฟลานาแกน กับฟอร์มโดยรวมจากฤดูกาลที่แล้ว ที่กล้าเล่นกล้าเสียบสกัด มีสไตล์การเล่นและคุณสมบัติพร้อมในตำแหน่งกองหลัง

แต่ความละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเกมนั้น ต้องยอมรับว่า เด็กยังสู้กับผู้ใหญ่ไม่ได้

สองครั้งที่ผิดพลาดแบบจะจะ ของ ฟลานาแกน ส่งผลให้ทีมเสียไป 1 ประตู และเป็นประตูสำคัญที่ทำให้โดนบุกมาแบ่งแต้มในเกมที่ต้องบอกว่า ต้องคว้า 3 คะแนนเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

ฟลานาแกน ผิดตำแหน่งอย่างชัดเจนที่สุด และไม่สมควรที่จะหุบเข้าไปตรงกลางมากเกินไป เพราะตรงนั้นมีเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายคน จนทำให้ เซบาสเตียน ลาร์สสัน ยิงประตูที่สวยที่สุดในชีวิตของตัวเค้าเองได้สำเร็จ

ตรงนี้คงจะต้องทบทวนดูว่า ฟลานาแกน ดีกว่า มาร์ติน เคลลี่ มากน้อยแค่ไหน และถ้าหาก เกล็น จอห์นสัน หายเจ็บกลับมา ดัลกลิช จะเลือกใครลงสนาม

ปีที่แล้ว ก่อนที่จะบาดเจ็บ เคลลี่ ถูกเรียกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่จนเบียดเอา จอห์นสัน ต้องไปเล่นแบ็กซ้าย กระทั่ง เคลลี่ มีเคราะห์ ทำให้ ฟลานาแกน ได้แจ้งเกิดในเกมยำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ใครก็ได้จากตรงนี้ เพียงแต่ใครที่ลงมาเล่นนั้น ไม่ใช่ว่า รับผิดชอบแต่เกมของตัวเองได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือเกมรับ

เพราะแบ็กจะต้องสามารถขึ้นมาช่วยเติมเกมรุกได้อีกด้วย

แต่เราก็ไม่ค่อยได้เห็นจาก ฟลานาแกน สักเท่าไหร่นัก ส่วน โฆเซ่ เอ็นริเก้ ยังพอให้อภัยได้กับการที่ได้ลงเล่นนัดแรกกับทีมใหม่ และแทบจะไม่ได้ซ้อม

เห็นสองคนนี้แล้ว นึกถึง ร็อบ โจนส์ นักเตะที่ไร้ศักดินาจาก ครูว์ อเล็กซานดร้า ที่ย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” เมื่อซีซั่น 1992-93 และต้องลงเล่นนัดแรกก็ต้องไปเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นัดแรกต้องดวลแข้งแดงเดือดเลยนะครับ

แต่วันนั้น โจนส์ ไล่ล่าปีกผีได้อย่างสนุก แถมคนพากย์ในวันนั้นยังนึกว่าเป็น ไมค์ มาร์ช ดาวรุ่งอีกคนด้วยซ้ำไป

จากนั้น โจนส์ ก็ก้าวไปจนติดทีมชาติอังกฤษ ก่อนจะบาดเจ็บหลัง ก่อนจะเลิกราไปรวดเร็ว ไม่อย่างนั้น แกรี่ เนวิลล์ ไม่ได้เล่นตัวจริงสิงโตแน่

ที่สำคัญ โจนส์ เป็นแบ็กที่เติมเกมรุกได้ดีมาก

จากวันนั้นเกือบ 20 ปี นักเตะใหม่ขึ้นมาหากเป็นกองหลังโบราณแมน ก็ไม่แปลกอะไร แต่อย่างน้อยต้องมีความทันสมัยอยู่บ้าง เล็กน้อยถึงปานกลางก็คงดี

โดยเฉพาะตำแหน่งแบ็ก

ยิ่งไปกว่านั้น เอะอะอะไรก็จะโยนให้ แอนดี้ คาร์โรลล์ เป็นตัวโขกชงมาให้เพื่อน แต่กลับไม่ได้มีตัวที่มา “ซับ” การเล่นสูตรนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

อาจจะยังไม่เข้า “สเป็ก” ก็ได้ แต่ว่าอย่างน้อยก็อยากให้ใช้ คาร์โรลล์ ให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะบอลเรียด และอย่าไปจินตนาการมากว่าเป็น จอห์น โตแช็ค กับ เควิน คีแกน กลับมาเกิดกันใหม่

พื้นฐานปัจจุบัน...สำคัญสุดขอรับ!



เรื่องโดย : บี แหลมสิงห์
จากคอลัมน์ May I Come In Please

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook