กองสลาก ผุดไอเดียสร้างคอมเพล็กซ์รวมคาสิโน

กองสลาก ผุดไอเดียสร้างคอมเพล็กซ์รวมคาสิโน

กองสลาก ผุดไอเดียสร้างคอมเพล็กซ์รวมคาสิโน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวระหว่างนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่มาเก๊า ว่าสำนักงานสลากฯ มีแนวคิดที่จะให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 มาตรา 5 และมาตรา 22 โดยขอนายสมชาย พูลสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนำเรื่องดังกล่าวหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป

นายวันชัย กล่าวว่าการแก้ไขมาตรา 5 วัตถุประสงค์การตั้งสำนักงานเพื่อให้มีขอบข่ายในการทำกิจการที่กว้างยิ่งขึ้นโดยจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจะทำให้สำนักงานสลากฯ สามารถดำเนินกิจการได้หลากหลายครอบคลุมถึงการตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถเข้าไปใช้บริการได้ เพราะจะรวมบริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันทั้งชอปปิ้งมอลล์ โรงเรียนกวดวิชา สนามกอล์ฟ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในมาเก๊า เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ จ่ายภาษีให้รัฐบาลถึงกว่าร้อยละ 30 จนรัฐบาลนำเงินมาสร้างสาธารณูปโภคพัฒนาประเทศได้

สำหรับพื้นที่ที่สำนักงานสลากเห็นว่า น่าจะตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทย คือ ทุ่งกุลาร้องไห้ เพราะไม่เหมาะกับการทำการเกษตรกรรม การมีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นซึ่งอาจอยู่ในรูปการลงทุนของเอกชนที่รับสัมปทาน จะช่วยสร้างงานอีกจำนวนมาก และรัฐบาลได้ภาษีไปพัฒนาประเทศ เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีคาสิโนรายล้อมประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ที่ในขณะที่ไทยมีความพร้อมมากกว่าทั้งทรัพยากรธรรมชาติ การเป็นศูนย์กลางการเดินทาง และวัฒนธรรม ขนธรรมเนียมประเพณี และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

ส่วนการแก้ไขมาตรา 22 แก้ไขเฉพาะประเด็นการนำส่งเงินรายได้เข้าแผ่นดิน โดยจะขอปรับลดจากปัจจุบันส่งร้อยละ 28 ให้เหลือร้อยละ 25 ลดลงร้อยละ 3 โดยจะนำเงินส่วนนี้มาจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในสังคมในรูปแบบต่าง ๆ การใช้เงินจะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุน

นายวันชัย กล่าวถึงสลากออนไลน์ว่า สำนักงานสลากฯ พร้อมที่จะเดินหน้า ขณะนี้รอนโยบายจากรัฐบาลเท่านั้น ส่วนปัญหาสลากฯ ขายเกินราคานั้น เรื่องดังกล่าวสะท้อนว่าจำนวนสลากที่พิมพ์ทั้งสิ้น 68 ล้านฉบับในขณะนี้ยังไม่เพียงพอ ส่วนการจะเพิ่มจำนวนพิมพ์ขึ้นไปอีกนั้นก็จะเพิ่มได้คราวละ 4 ล้านฉบับ และสูงสุดไม่เกิน 72-72 ล้านฉบับต่องวดเท่านั้น หากเพิ่มถึง 80 ล้านฉบับเชื่อว่าจะเกินกว่าความต้องการของตลาดเพราะเกินกำลังซื้อของประชาชน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook