น้ำท่วมกทม.คลี่คลาย ปทุมฯยังวิกฤต

น้ำท่วมกทม.คลี่คลาย ปทุมฯยังวิกฤต

น้ำท่วมกทม.คลี่คลาย ปทุมฯยังวิกฤต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานการณ์น้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ ล่าสุดทุกเส้นทางจราจรเริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว หลังฝนกระหน่ำทั่วกรุงเมื่อเช้ามืดวันนี้ โดยสภาพถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา ซึ่งเมื่อช่วงเช้านี้มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 40 เซนติเมตร ล่าสุดกรุงเทพมหานครเร่งระบายน้ำลงสู่คลองแล้ว ทำให้รถสามารถสัญจรไป-มา ได้ตามปกติ ส่วนถนนแจ้งวัฒนะ วงเวียนหลักสี่ ศรีนครินทร์ และลาดพร้าว ทุกเส้นทางระดับน้ำลดลงจนกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วเช่นกัน

สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมในเช้านี้ เนื่องจากมีน้ำหนุน การระบายต้องใช้เวลามากขึ้น โดยตำรวจจัดชุดช่วยเหลือน้ำท่วม รวมทั้งเตรียมรถยกเข้าประจำจุดตามพื้นที่เสี่ยง เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร ส่วนการเฝ้าระวังจะเน้นดูแลพื้นที่ สน.สายไหม มีนบุรี พื้นที่ริมฝั่ง แนวแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่รอยต่อปทุมธานี นนทบุรี โดยเฉพาะในช่วง วันที่ 17-18 ตุลาคม ที่ระดับน้ำทะเลจะหนุนขึ้นอีก

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ปทุมธานี ยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หลังแม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณเพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี เกือบ 200 หลังคาเรือน ซึ่งอาศัยอยู่ริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ต้องอพยพขึ้นมาอาศัยบนถนนโลคอลโรด ในเต็นท์ที่หน่วยงานจัดไว้ให้ พร้อมเตรียมอพยพชาวบ้าน หากสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤต

ขณะที่คลองเปรมประชากร ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะมีประตูระบายน้ำติดเครื่องสูบขนาด 24 นิ้ว ผลักน้ำลงสู่เจ้าพระยา แต่ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่บรรยากาศล่าสุดที่ศูนย์อพยพผู้ประสบอุทกภัย จ.พระนครศรีอยุธยา ในขณะนี้มีประชาชนทยอยเดินทาง เข้ารับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก ไหลทะลักเข้าท่วม ซึ่งทำให้หลายจุดเสียหาย และสร้างความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 570 คน ซึ่งเพิ่มจากวานนี้เป็น 2 เท่า ส่งผลทำให้อาคารที่ใช้รองรับประชาชนเต็มแล้ว 1 ตึก

จากการสอบถาม นายสะอาด สายทอง อายุ 58 ปี เป็นชาว จ.เพชรบูรณ์ ที่เดินทางมาทำงานที่แคมป์ก่อสร้างหลังวัดใหญ่ชัยมงคล ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้เดินทางเข้ารับการช่วยเหลือที่ศูนย์แห่งนี้ เป็นวันแรก กล่าวว่า ตนรู้สึกมีความกังวลและมีความเครียด เนื่องจากไม่สามารถนำข้าวของออกมาได้ เพราะกระแสน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับตนไม่ได้ทำงาน ทำให้ไม่มีเงินมาดูแลครอบครัว อย่างไรก็ตามบรรยากาศในขณะนี้ประชาชนยังทยอยเดินทางเข้ารับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook