สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ยิ่งลักษณ์ สารภาพ คุมน้ำไม่ได้ อ้างมีหลายปัจจัย
สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด นายกฯ ยอมรับควบคุมสถานการณ์น้ำไม่อยู่ อ้างมีหลายปัจจัย ทั้งเรื่องกระสอบทรายเปื่อย มีประชาชนแอบทำลาย เรียกผู้ว่าฯ พื้นที่เสี่ยงถกรับมือ ชี้ถ้ารู้รับไม่ไหวต้องเตรียมแผนสำรอง "อพยพ"
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 12 ต.ค.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยว่า วันนี้เราต้องดูแลเรื่องการอพยพผู้คนให้ปลอดภัย เพราะจากการบินสำรวจพบว่ายังมีประชาชนต้องการให้ความช่วยเหลือและติดอยู่ในน้ำอีกมาก ขณะเดียวกันต้องเร่งกู้ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมด้วย และวันนี้ได้เชิญจังหวัดที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องเตรียมรองรับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปรับปรุง แต่หากคิดว่าจะสู้น้ำไม่ไหวคงต้องมีแผนสำรองในการเตรียมอพยพผู้คน โดยต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้รัฐบาลเลือกที่จะป้องกันและปล่อยจุดไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ในความเป็นจริงเราไม่ปล่อยเป็นห่วงทุกจังหวัด การทำงานเราจะกระจายกำลังโดยไม่ให้ซ้ำซ้อน สิ่งสำคัญคือต้องให้ความปลอดภัยกับชีวิต ส่วนทรัพย์สินเป็นอันดับสอง เพราะเราไม่สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดจะต้องนำประสบการณ์จากจังหวัดอื่นๆที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ว่าราชการเตรียมทำงาน หากโซนไหนที่คิดว่าปลอดภัยต้องกั้นไว้ก่อน ไม่ควรกั้นที่น้ำกำลังจะมา เพราะจะสู้น้ำไม่ไหว เนื่องจากวันนี้น้ำทั้งประเทศเยอะมาก แม้แต่อุตสาหกรรมไฮเทคที่ใช้ก่อปูนสูงถึง 2 เมตร วันนี้น้ำเริ่มซึม ซึ่งรัฐบาลได้เตือนให้ขนย้ายแล้วและเวลานี้กำลังดูแลเรื่องของพนักงานนายกรัฐมนตรี กำชับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ระดมกำลังตำรวจ เฝ้าระวังภัย รักษาทรัพย์สินประชาชนทุกหมู่บ้านอยุธยา ขณะยอดเงินบริจาค 10.2 ล้านบาท ยังขาดเสื้อชูชีพ
ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งกำชับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ระดมกำลังตำรวจจากพื้นที่ ที่ไม่ถูกน้ำท่วมเข้าไปรักษาความปลอดภัยด้านทรัพย์สินของผู้ประสบอุทกภัยทั้งหมด และยังไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เพราะห่วงทรัพย์สิน หลังจากที่มีชาวบ้านเข้าแจ้งความกับตำรวจพระนครศรีอยุธยา วานนี้ว่า มีมิจฉาชีพฉวยโอกาสช่วงน้ำท่วม ใช้เรือพายเข้าไปขโมยทรัพย์สินของประชาชนที่อพยพออกไปแล้วบางส่วน จึงไม่ยอมอพยพ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมเคลื่อนย้าย พร้อมทั้งจัดกำลังตำรวจ เฝ้าระวังภัยให้กับประชาชน ทั้ง 15 อำเภอ ประจำทุกหมู่บ้าน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ประกอบการโก่งราคาสินค้าโดยเฉพาะกระสอบทราย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จะกำชับให้ทางกระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล แต่คงต้องขอร้องและขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกราย เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนมาก ดังนั้นอยากให้ขายในปริมาณที่เพียงพอต่อต้นทุนที่ดำรงอยู่ หากปรับราคาสูงคนก็ยิ่งจะเก็บสต๊อกของส่งผลให้ผู้เดือดร้อนไม่สามารถนำไปแก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นรัฐบาลพยามจะล็อกสินค้าบางส่วนที่ขาดตลาดมาเอง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนโดยประสานตรงกับทุกหน่วยงาน ส่วนความต้องการกระสอบทราย 1.7 ล้านกระสอบนั้น เวลานี้น่าจะได้ครบแล้ว ซึ่งทาง กทม.เป็นผู้รับผิดชอบพร้อมกันนี้เราได้มีหน่วยเข้าไปดูเรื่องของความแข็งแรงด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในการกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายบางครั้งเราตั้งทิ้งไว้นานๆ บางทีเกิดการเปื่อยยุ่ย ตรงนี้เป็นสาเหตุหนึ่งในการทำให้แนวกั้นน้ำพัง ส่วนแนวกั้นน้ำ 3 จุดที่ป้องกันน้ำทะลึกเข้าพื้นที่ กทม.นั้นเวลานี้จะเร่งารัดให้เสร็จภายในสองวันคือว่าวันพรุ่งนี้ 13 ต.ค.คงจะเสร็จ เมื่อถามว่า ฝั่งตะวันออกที่เป็นปัญหาแนวกั้นน้ำพังบางส่วนจะป้องกันน้ำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันต้องทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น เมื่อมีการนำกระสอบทรายตั้งเป็นแนวกั้นน้ำแต่ถูกประชาชนดึงออก บวกกับความไม่แข็งแรงและความเปื่อยของกระสอบทราย ดังนั้นวันนี้จะใช้สรรพกำลังตรวจสอบคุณภาพให้ดีที่สุด
จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า พายุลูกใหม่ยังไม่พัดผ่านเข้าไทย หากไม่มีตัวนี้จากการวางแผนที่ดำเนินการมาคิดว่าน่าจะรับมือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนด้วย และไม่ใช่เป็นการแตกของเขื่อนที่ไหวแรงเกินกว่าปริมาณ ยอมรับมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจะทำให้ครอบคลุมมากที่สุด