โอบามาแจงเหตุปิดปากเงียบเรื่องสงครามฉนวนกาซา

โอบามาแจงเหตุปิดปากเงียบเรื่องสงครามฉนวนกาซา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(6ม.ค.) โอบามา ซึ่งตอนนี้อยู่ที่กรุงวอชิงตันเพื่อเตรียมตัวสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ ให้สัม ภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ หลังร่วมประชุมกับทีมเศรษฐกิจที่รัฐสภา ยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนของตัวเองที่ว่า สหรัฐมีประธานาธิบดีได้เพียงคราวละหนึ่งคนโดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศซึ่งต้องยึดมั่นหลักการของผู้นำเพียงหนึ่งคน ยิ่งตอนนี้กำลังมีการเจรจาที่ละเอียดอ่อนจึงไม่เหมาะ

ที่จะมีสองเสียงแสดงความคิดเห็นพร้อมกัน แต่ก็ยอมรับว่าได้รับรายงานสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซ่าทุกวัน

// //

โอบามายืนยันแสดงจุดยืนของตัวเองท่ามกลางเสียงเรียกร้องทั้งจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่อยากได้ยินมุมมองของโอบามาเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซ่า โดยเฉพาะปาเลสไตน์ซึ่งแสดงความผิดหวังต่อท่าทีนิ่งเงียบของโอบามา ทั้งที่เมื่อครั้งเกิดเหตุโจมตีนครมุมไบในอินเดียซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 164 คน โอบามารีบออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน แต่ความรุนแรงในกาซ่าซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 550 คน โอบามากลับนิ่งเงียบ

ขณะที่กลุ่มนักวิเคราะห์สถาบันบรูคกิ้งส์ในวอชิงตัน เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่สหรัฐปรับเปลี่ยนนโยบายการทูตที่ใช้กับภูมิภาคนี้ โดย ชิบลีย์ เทลฮามี นักวิเคราะห์ด้านตะวันออกกลาง มองว่า ผู้นำไม่มีโอกาสหนที่สองที่จะสร้างความประทับใจครั้งแรก (ถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย) ยิ่งโอบามาไม่พูดอะไร ความคาดหวังต่อสิ่งที่เขาจะทำและพูดก็ยิ่งเพิ่มากขึ้น และเป็นเรื่องสมควรแล้วที่โอบามาเลือกที่จะไม่พูดอะไรในเวลานี้ จนกว่าจะถึงวันรับตำแหน่ง

ด้านอดีตทูตสหรัฐประจำอิสราเอล มาร์ติน อินดิ๊ค ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิชาการประจำสถาบันบรูคกิ้ง มองว่าโอบามาไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางดีขึ้น เพราะความล้มเหลวของสหรัฐในการสร้างสันติภาพตะวันออกกลางในช่วง 16 ปีที่ผ่านมาทำให้อิทธิพลและบทบาทของสหรัฐในภูมิภาคนี้ลดน้อยถดถอยลงไป สหรัฐจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลดความคาดหวังของทั่วโลกว่าสหรัฐจะสามารถสร้างสำเร็จในภูมิภาคนี้ได้

ทั้งคู่เชื่อตรงกันว่าแถลงการณ์ฉบับแรกเกี่ยวกับตะวันออกกลางของโอบามา น่าจะออกมาในลักษณะของการแสดงความคิดเห็นกว้างๆ มากกว่าจะเจาะจงไปที่เหตุรุนแรงในฉนวนกาซ่า

ตะลุยข่าว : THE GREEN POLICE กองปราบฯ สู่ศตวรรษที่ 21

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกสามารถระงับยับยั้งปัญหาอาชญากรรมให้ลดลงและควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ตรงกันข้ามกับประเทศไทย กลับมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีการกล่าวถึงในระดับนานาชาติว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook