อิสราเอลประกาศทำสงครามกับฮามาสยอดคนตาย 345

อิสราเอลประกาศทำสงครามกับฮามาสยอดคนตาย 345

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(30ธ.ค.) เอฮูด บารัก รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า กำลังทำสงครามเต็มรูปแบบกับฮามาสและพวก และว่าตราบใดที่ฮามาสไม่ยุติการยิงจรวดถล่ม อิสราเอลจะทำทุกวิถีทางรวมทั้งทางกฏหมายเพื่อให้ศัตรูยุติการรุกรานแบบผิดกฎหมาย ปัจจุบัน รถถังอิสราเอลประชิดอยู่ที่ชายแดนติดกับกาซ่า ที่ได้ประกาศเป็นเขตทหารแบบปิด (a closed military zone ) ซึ่งในอดีตมักตามมาด้วยปฏิบัติการรุกภาคพื้นดิน ส่วนเรือรบอิสราเอลตามแนวชายฝั่งกาซ่าก็เปิดฉากระดมยิง แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

เครื่องบินอิสราเอลถล่มกาซ่าเป็นวันที่สามเมื่อวันจันทร์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย345 คนและบาดเจ็บกว่า 1,550 คน ส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ฮามาส แต่ก็มีพลเรือนอย่างน้อย 57 คน รวมทั้งเด็ก 21 คน ขณะที่นับจากอิสราเอลเริ่มใช้ปฏิบัติการทางอากาศเมื่อวันเสาร์ ฮามาสได้ยิงจรวดและลูกระเบิดยิงถล่มเมืองชายแดนของอิสราเอลแล้วมากกว่า 250 ลูก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คนและบาดเจ็บกว่า 24 คน

// //

เว๊ปไซต์ข่าววายเน็ต นิวส์ รายงานถ้อยแถลงของพลจัตวาแดน ฮาเรล รองเสนาธิการทหารอิสราเอลที่ว่า หลังจากปฏิบัติการครั้งนี้ จะไม่มีอาคารของฮามาสเหลืออยู่เลยในกาซ่าอิสราเอลมีแผนจะเปลี่ยนกฏข้อบังคับของสงคราม และไม่ได้เพียงกำลังโจมตีนักก่อการร้ายและเครื่องยิงจรวด แต่รวมทั้งรัฐบาลฮามาสและปีกทั้งหมดของฮามาสด้วย

อิสราเอลแสดงท่าทีชัดเจนว่าการบุกเพิ่งเริ่มต้น แม้นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติจะเรียกร้องให้ผู้นำโลกเร่งทำงานมากขึ้นเพื่อยุติความรุนแรงที่ไม่อาจยอมรับได้ครั้งนี้ เขาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง และประกาศหยุดยิงในทันที ขณะที่ฑูตพิเศษ

ประจำตะวันออกกลางของสหประชาชาติประท้วงรุนแรงกรณีปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอล สร้างความเสียหายให้กับอาคารสหประชาชาติ 2 หลัง และทำให้เจ้าหน้าที่ฝึกงานเสียชีวิต 8 นาย

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook