วิชัน ''ไทยพาณิชย์'' ปี2552 ท้าทาย! แต่ไม่วิกฤติ

วิชัน ''ไทยพาณิชย์'' ปี2552 ท้าทาย! แต่ไม่วิกฤติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เปิดศักราชปี 2552 ได้ไม่กี่วัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถือโอกาสแถลงข่าว (7 มกราคม 2552) โชว์วิสัยทัศน์ทิศทางนโยบายของธนาคาร โดย2 ผู้บริหารระดับสูง วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร และ กรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งปี 2552 นี้ไทยพาณิชย์ตั้งนิยามให้เป็น ปีแห่งความท้าทาย

***ใช้วิกฤติสร้างโอกาสแข็งแกร่ง

ถึงปีนี้จะ ท้าทาย แต่ก็ไม่ถึงขั้น วิกฤติ เป็นความเห็นที่ประธานกรรมการบริหารสะท้อนมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ในทางตรงกันข้ามไทยพาณิชย์มองเป็น โอกาส สำหรับธนาคาร คือ 1. โอกาสที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง 2. สร้างธุรกิจด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับรายได้ และ3.สร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีเงินกองทุนแข็งแกร่งจะช่วยให้แบงก์และลูกค้าอยู่รอด

ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของแบงก์สีม่วงปีนี้ ลูกค้าคือหัวใจ ซึ่งทั้ง 2 ผู้บริหารพยายามย้ำอยู่ตลอดเวลาถึงการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว พร้อมกับยืนยันหนักแน่นในสิ่งที่ถูกตั้งคำถามจากลูกค้าอยู่ตลอดเวลา คือ แบงก์ยังปล่อยกู้ และ ไม่ทิ้งลูกค้า (ลูกค้าที่แนวโน้มไปรอด)

เช่นเดียวกับการเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจร หรือ ยูนิเวอร์แซลแบงกิ้ง (Universal Banking) ซึ่งจนถึงวันนี้ วิชิต สุรพงษ์ชัย ยืนยันว่าแบงก์ไทยพาณิชย์เดินมาถูกทางแล้ว และพิสูจน์ได้ว่า ยูนิเวอร์แซล แบงกิ้ง คือ รูปแบบสถาบันการเงินที่มั่นคงที่สุดและมีความเสี่ยงน้อยกว่ารูปแบบอื่น โดยเฉพาะภายใต้วิกฤติการเงินโลกที่ถดถอย ที่ เขา ทำนายไว้ว่าจะอยู่ไปอีก 2 ปีหรือ 3 ปี

พร้อมกับประกาศทำทุกด้าน ทั้งธุรกิจรายย่อย รายใหญ่ เอสเอ็มอี ซิเคียวริตี ประกันภัย หลักทรัพย์ เช่าซื้อ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ซึ่ง ณ วันนี้ ไทยพาณิชย์มีครบทุกบริการแล้ว แต่ยังต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้างความพอใจ และเป็น ธนาคารที่ทุกคนเลือก

****คาถาธุรกิจ ''ปรับตัวเร็ว''

ขณะที่ไกด์ไลน์ยุทธศาสตร์หลัก 6 ด้านของแบงก์ไทยพาณิชย์ ปี 2552 (รายละเอียดจากข้อมูลประกอบ) สะท้อนว่าแบงก์พร้อม ตั้งรับ ในปีนี้ แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนซึ่งแบงก์ไทยพาณิชย์ รุกตลาดรุนแรง

เห็นได้จากมุมมองคาดการณ์ด้านตัวเลขโดย กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรณิกา ชลิตอาภรณ์ ที่เชื่อว่าจีดีพีปี 2552 จะโน้มไปในทางใกล้ 0-1% หรืออย่างเก่ง 2% ภาพรวมสินเชื่อโดยรวมจะอยู่ที่ 4-5% และเงินฝากขยายตัว 2-3% โดยเฉพาะหลักคิดในปีนี้ที่ กรรณิกา บอกในการทำธุรกิจก็คือ ต้องปรับตัวเร็ว ดังนั้นแผนธุรกิจของแบงก์ไทยพาณิชย์ในปีนี้ จึงอาจมีการทบทวนในทุกไตรมาส

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ประธานกรรมการบริหาร เล่าว่าจะเพิ่มจำนวนสาขาของแบงก์ให้ครบ 1,000 สาขาในปี 2552 แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว แต่แบงก์ยังพร้อมที่จะลงทุนเปิดสาขาเพิ่ม รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการขายอื่นๆ เช่น เอทีเอ็ม ขายตรง (Direct Sale) และคอลล์เซ็นเตอร์ ยังชี้ได้ว่า ไทยพาณิชย์ ต้องรักษาตำแหน่ง ผู้นำ ในธุรกิจให้บริการรายย่อย หรือรีเทลแบงกิ้งไว้หลังจากที่ 1-2 ปีที่ผ่านมา การนำการตลาดของ กรรณิกา มาใช้ควบคู่กับการทำธุรกิจแบงก์พาณิชย์ ทำให้ ร่มม่วง และ แบงก์สีม่วง สร้างให้ลูกค้าจดจำและนึกถึง ไทยพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี

****ห่วงหนี้เสียกินเงินกองทุน

ขณะที่ในปีนี้ประธานกรรมการบริหาร ประกาศทำทั้งธุรกิจรายย่อย รายใหญ่ เอสเอ็มอี ซิเคียวริตี ประกันภัย หลักทรัพย์ เช่าซื้อ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ซึ่ง ณ วันนี้ ประกาศได้ว่ามีครบทุกบริการ และยังต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้างความพอใจ และเป็น ธนาคารที่ทุกคนเลือก

นอกจากนี้ สิ่งที่ทั้ง วิชิต และ กรรณิกา เป็นห่วงไม่แตกต่างจากความเห็นของนายแบงก์อื่นๆที่เคยให้ความเห็นไว้ก่อนนี้ คือ ปี 2552 เป็นปีที่จะเห็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องระวังหนี้เสียกินเงินกองทุน ขณะที่แนวโน้มหนี้เสียมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนขึ้นอยู่กับแต่ละแบงก์ว่าจะสามารถควบคุมหนี้ไม่ให้เพิ่มขึ้นได้เพียงใด โดยเฉพาะลูกหนี้เอสเอ็มอีที่แบงก์ต้องติดตามใกล้ชิดมากขึ้นเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าสัดส่วนสินเชื่อเอ็นพีแอลของไทยพาณิชย์ในขณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20% ก็ตาม

เราห่วงเอ็นพีแอลมาก ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สำคัญมากที่จะแสดงว่าเราจะเป็นคู่ค้ากับลูกค้าในระยะยาว ไม่ใช่เวลาเขาดีแล้วไปเจ๊าะแจ๊ะ แต่เวลาไม่ดีก็ปล่อยทิ้ง อันนี้ไม่ใช่แบงก์ไทยพาณิชย์

หลังจากไทยพาณิชย์เปิดเกม รุก อย่างรุนแรงต่อเนื่อง 2 ปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ต้องหันหัวกลับเป็น ตั้งรับ ด้วย 6 ยุทธศาสตร์หลัก ระวังปล่อยกู้ ดูคุณภาพสินเชื่อ จุนเจือลูกค้า คุมค่าใช้จ่าย สร้างรายได้เพิ่ม และเติมความสามารถพนักงาน ซึ่งทั้ง 2 ผู้บริหารระดับสูงมั่นใจว่าทั้งแบงก์และลูกค้าจะฝ่าวิกฤติ ปีแห่งความท้าทายนี้ไปได้

6 ยุทธศาสตร์หลัก ปี 2552

- ดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้า เช่น ภาคท่องเที่ยว และกลุ่มโรงแรม โดยส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น

-รอบคอบระมัดระวังในการทำธุรกิจ ยังขยายการปล่อยกู้ธุรกิจทุกด้าน เน้นบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk)

-ควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เป็นปีที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ไม่ทิ้งลูกค้า เพื่อฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

-สร้างรากฐานรายได้ค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง โดยพยายามเพิ่มธุรกิจเพื่อที่ให้มีค่าธรรมเนียมเข้ามามากขึ้น เช่น ปล่อยธุรกิจด้านคอร์ปอเรต วางแผนเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมจาก 30% เป็น 40% ในระยะยาว

-ควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ลดคนแต่จะพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

-สร้างความสามารถของพนักงานและระบบงาน เพิ่มงบประมาณในการฝึกอบรมพนักงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook