แอลจีเผยกลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์เพิ่มส่วนแบ่งตลาด

แอลจีเผยกลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์เพิ่มส่วนแบ่งตลาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แอลจี เผยแผนการดำเนินธุรกิจปีวัว เพิ่มการลงทุนด้านการสร้าง

แบรนด์ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มช่องทางจำหน่าย รวมถึงบริการหลังการขาย ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 16,500 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 14% ชี้ มั่นใจกำลังซื้อฟื้นตัวต้นไตรมาส 2 แน่นอน

นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2552 ว่า บริษัทจะดำเนินงานตามแผนการที่วางไว้ 4 ส่วน คือ การเพิ่มการลงทุนในการสร้างแบรนด์ ไอเดนทิตี้ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ภายใต้แนวคิด The Perfect Harmony of Stylish and Smart Design โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้สึก และประสบการณ์แห่งความสุข และความล้ำสมัยแก่ผู้บริโภค

สำหรับภาพลักษณ์ของบริษัทจะได้รับการปรับเข้า ไปในกิจกรรมการตลาดของทุกผลิตภัณฑ์ อาทิ กิจกรรม แอลจี สตาร์ซ ทาเลนท์ รวมถึงการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างรายการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน (F1) เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียม ด้านการตกแต่งหน้าร้านจะมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมให้มีความสอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถสนองตอบทุกความต้องการของผู้บริโภคเข้าสู่ตลาด และช่องทางจำหน่าย โดยบริษัทจะเตรียมแผนการรุกตลาดในแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องความต้องการของผู้บริโภค โดยจะมีการศึกษา และสร้างความเข้าใจความต้องการของผู้บริ

โภค หรือที่เรียกว่า Customer Insight และปรับปรุงสายการผลิตสินค้าใหม่ เพื่อสามารถส่งสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงเรื่องของการให้บริการหลังการขาย ภายใต้งบการตลาดเฉลี่ย 5% ของยอดขายรวม

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมปี 2552 ไว้ที่ 16,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 14% จากยอดขายปี 2551 โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องซักผ้า 27%, เครื่องปรับอากาศ 15%, ตู้เย็นไซด์บายไซด์ 35%, แอลซีดี ทีวี 20%, พลาสมา ทีวี 35%, เครื่องเสียง 13% และโทรศัพท์มือถือ 10%

ในส่วนของสถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในยุโรป และสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับตัวลดลง ยังไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตในประเทศไทย เนื่องจากปริมาณความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเอเชียยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในปี 2552 บริษัทมั่นใจว่า กำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาสแรก หรือต้นไตรมาส 2 รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง นายเฮียน กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook