มาร์เก็ตติ้งหุ้นมือทอง ''ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ'' สินทรัพย์โปรด คือ ทองคำ-อสังหาฯ

มาร์เก็ตติ้งหุ้นมือทอง ''ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ'' สินทรัพย์โปรด คือ ทองคำ-อสังหาฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ คือ แขกรับเชิญคนแรกของปีฉลูที่คอลัมน์ งานทำเงิน เงินทำงาน นำเสนอ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)บีฟิท จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ยังเป็น 1ใน 10 เจ้าหน้าที่ด้านการตลาดหรือมาร์เก็ตติ้งหุ้นมือทอง หรือมนุษย์ทองคำ แห่งวงการบริษัทหลักทรัพย์ จึงไม่แปลกที่ได้รับฉายา ซีอีโอพันล้าน ในวัยยังหนุ่มแน่น ปัจจุบันอายุย่างเข้า 40 ปี

ก่อนเปิดสไตล์การออมและการลงทุนส่วนตัว ประสิทธิ์ เริ่มต้นด้วยคำคมว่า การออมเป็นจุดเริ่มแรกของความร่ำรวย

สำหรับตัวเขาเองนั้น วางแผนเรื่องการออมและการใช้เงินตั้งแต่วัยเด็ก อีกทั้งทำงานตั้งแต่เด็กๆ โดยรายได้ที่หามาได้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ แบ่งให้แม่ 50% และ 30% เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งถือว่าไม่สูงนัก เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด(หาดใหญ่) ที่เหลืออีก 20% จะเป็นเงินออม

ผมออมเงินทุกเดือนตั้งแต่วัยเด็ก พอเป็นเงินก้อนใหญ่ ก็มักจะนำไปซื้อทองคำและฝากธนาคาร เมื่อโตขึ้นและทำงานประจำ มีเงินโบนัสก็จะออมเพิ่ม

ประสิทธิ์สารภาพว่าแม้ตัวเองจะเป็นมาร์เก็ตติ้งหุ้น ขลุกอยู่กับตลาดหุ้นมานานก็จริง

แต่นิสัยส่วนตัว ชอบการลงทุนแบบระมัดระวัง และอยากเห็นรายได้ที่ชัดเจนในระยะยาว อีกทั้งไม่ชอบอะไรที่เสี่ยง แต่ยอมรับว่าลงทุนในหุ้นบ้าง ประมาณ 5-10% ของเงินออม โดยเน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเท่านั้น

ผมเน้นลงทุนด้วยเงินสด มีแค่ไหนก็ลงทุนเท่านั้น ไม่ชอบลงทุนเกินตัว เพราะว่าการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ

สำหรับสินทรัพย์ที่ลงทุนมากที่สุดในปัจจุบันคือ ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์

ซื้อทองมากที่สุดและสะสมมากว่า 20 ปีแล้วไม่เคยขาย โดยปัจจุบันมีทองคำในพอร์ตประมาณ 1,000 บาท เพราะมองว่าทองคำเป็นสื่อทางการเงินที่ใช้ได้ทั่วโลก หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ทั่วโลก

สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ประสิทธิ์ บอกว่าจะมีทั้งอพาร์ตเมนต์และบ้านให้เช่า

สาเหตุที่สนใจลงทุนในอพาร์ตเมนต์ เนื่องจากมีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาแน่นอนและจะเข้ามาตลอดในระยะยาว หรือแม้ว่าจะไม่มีรายได้จากอพาร์ตเมนต์ แต่ความเสี่ยงก็ไม่มีเพราะเงินลงทุนเป็นเงินสด

ผมตั้งเป้าที่จะหาท่อน้ำ(ช่องทางสร้างรายได้)หลายๆท่อเพื่อเพิ่มน้ำในตุ่ม และเมื่อน้ำในตุ่มมีต่อเนื่องก็ทำให้เงินเรามีอยู่ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้ทำงาน นั่นคือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เช่า

นอกจากนี้ยังซื้อที่ดินเก็บไว้ โดยเลือกทำเลที่สามารถซื้อง่ายขายคล่อง ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า รวมทั้งคอนโดมิเนียม เพราะมองว่ามูลค่าที่ดินยังสามารถปรับขึ้นไปได้อีก ซึ่งการลงทุนในที่ดินหรือคอนโดมิเนียมส่วนหนึ่งก็ยังเป็นแบบซื้อมาขายไปขายด้วยหากเห็นว่ามีกำไร

เคยซื้อคอนโดมิเนียมได้ประมาณ 6-7 เดือน ก็ขายได้กำไร 3-4 แสนบาท จากเงินต้นที่ลงทุนไม่ถึงล้านบาท ได้กำไรประมาณ 30-40% ซึ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ที่ราคาสินทรัพย์ประมาณ 5 ล้านบาทขึ้นไป

นั่นคือ ช่องทางการออมและลงทุนของซีอีโอพันล้าน!

หากแต่เขาไม่หยุดอยู่แค่นั้น โดยปลายปี 2551 ได้ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว คือ โรงเรียนสอนภาษา ซึ่งเปิดทำการได้ 4 เดือน มีรายได้เข้ามา 30 ล้านบาท อีกทั้งสามารถทำกำไรได้แล้ว จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการทำกำไร

นอกจากนี้กำลังมองหาช่องทางการสร้างรายได้เพิ่มโดยเฉพาะธุรกิจในโลกออนไลน์ ที่สำคัญเจ้าตัวบอกว่า ต้นทุนต้องต่ำด้วย

แม้จะเป็นมนุษย์เงินเดือนติดกลุ่มผู้มีรายได้สูงและมีรสนิยมในการใช้แบรนด์ดังระดับโลกที่ราคาแพงระยับ แต่ ประสิทธิ์บอกว่าเขาไม่ลืมที่จะกันเงินในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ซึ่งมีสัดส่วน 30% ของรายได้ เพื่อทำบุญ ทั้งถวายวัด และบริจาคให้กับคนยากจน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ให้ความสุขทางใจกลับมา

นอกจากนี้ปัจจุบันยังเป็นประธานกลุ่มชมรมคนรักสุขภาพ ณ สวนสมุนไพรชมรมคนรักสุขภาพ ที่บ้านสลัดได หมู่ 1 ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นชมรมรักษาฟรีสารพัดโรค โดยใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานที่ชมรมดังกล่าว ซึ่งแต่ละวันมีผู้ป่วยรับการรักษา 2,000-3,000 คน เดือนละเป็นหมื่นคน

ส่วนชีวิตหลังเกษียณ คือ อายุ 60 ปี ประสิทธิ์บอกว่า เขาจะยังเล่นบทเป็นผู้ให้กับชมรมคนรักสุขภาพ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะประเมินแล้วว่าตอนนั้น(หลังเกษียณ )สามารถหาก๊อกน้ำหรือช่องทางการสร้างรายได้ เพื่อให้มีน้ำหรือรายได้เพียงพอสำหรับการยังชีพหลังเกษียณแล้ว !

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook