ทางรอดปีวัวบ้า

ทางรอดปีวัวบ้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คำถามที่คนชอบถามก็คือ เราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างไร

วิกฤติครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนชัดเจนในใจว่าคำตอบคืออะไร

o การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยลดดอกเบี้ยและใช้จ่ายขาดดุลภาครัฐให้เพียงพอ ซึ่งหมายความว่า นโยบายการเงินการคลังต้องประสานสอดรับกันอย่างใกล้ชิด อัดฉีดให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ เพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้

แต่การจะไปถึงจุดนั้น สิ่งที่จะต้องทำมีอยู่ 3 เรื่อง

เรื่องที่ 1 การเริ่มจากการยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจปี 2552 จะแย่กว่าที่ทุกคนคิดและประมาณการไว้ ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ จะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ผิด คุณหมอให้ยาไม่พอ หรือไม่ตรงจุด

เรื่องที่ 2 การยอมรับข้อจำกัดในการแก้ไขปัญหาของเรา โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก จะได้ไม่หลอกตนเอง

การไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับข้อจำกัดของตัวเรา จะทำให้การแก้ไขปัญหาและมาตรการ

ที่เตรียมไว้ หลงทาง และ เสียเวลากับสิ่งที่ไม่ควรทำ ร้ายไปกว่านั้น เมื่อหลอกตนเองจนเชื่อว่าสิ่งที่ทำไม่ได้แต่กลับคิดว่าทำได้ ท้ายสุด เมื่อความจริงไม่ได้เป็นไปเช่นนั้น ก็จะมีปัญหาภายหลัง (เช่น ตึกต่างๆ ปลอบใจตนเองว่าไฟคงไม่ไหม้ ทำให้ไม่ได้เตรียมการรองรับไว้ แต่พอไหม้จริง ความเสียหายก็มาก ก็มานึกเสียใจภายหลัง)

สำหรับข้อจำกัดในการแก้ไขปัญหาในวิกฤติครั้งนี้ มีอยู่หลายด้าน

2.1 การที่จะเร่งเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ 2.0-2.5% ตามที่พูดกัน มีโอกาสเป็นไปได้ไม่มาก ความจริงถ้าเศรษฐกิจขยายตัวได้ 2.0-2.5% ก็จะดีมาก แต่ปัญหาเศรษฐกิจโลกลึกซึ้งกว่าที่ทุกคนคิดไว้ และเศรษฐกิจโลกจะจมลงไปมากกว่านี้ ฉุดทุกคนลงตามไปด้วย ตัวเลขที่จะออกมาจึงมี downside risk มากกว่าปกติ

หากเป็นเช่นนี้ นอกจากชื่อเสียงของหน่วยงานต่างๆ ที่ออกมาช่วยรับประกันเรื่องอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะพลอยเสียหายไปด้วยแล้ว เอกชนที่หลงเชื่อก็จะเตรียมการผิด เกิดความเสียหายได้ ด้วยเหตุนี้ สำหรับปีนี้ คำตอบที่ถูกในประเด็นนี้ ก็คือ ปี 52 เศรษฐกิจจะมีปัญหามาก แต่รัฐบาลจะดูแลให้ผ่านไปได้ ส่วนจะขยายตัวเท่าไรนั้น ยังคงยากที่จะประเมินได้และมีโอกาสถูกปรับลดลงระหว่างปี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด

2.2 การเร่งการส่งออกให้ขยายตัวอย่างน้อย 5% เป็นเป้าโหนและเป็นไปได้ยากเช่นกัน ความจริงก็คือ ตลาดส่งออกในต่างประเทศตอนนี้ ปิดทุกตลาด โอกาสที่หาตลาดใหม่ที่จะทำให้การส่งออกปี 52 ขยายตัวจากปีก่อนหน้า เรียกได้ว่ายากถึงยากมาก คำตอบที่ถูกในเรื่องนี้ คือ ตลาดต่างประเทศมีปัญหามาก และการส่งออกโดยรวมของปี 52 คงต่ำกว่าปี 51 พอควร แต่รัฐบาลจะช่วยประคองภาคส่งออกผ่านปี 52 ไปให้ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งในกระบวนการปรับตัวที่เตรียมไว้คือ คงต้องหันมาตลาดในประเทศให้มากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจในประเทศฟื้นจากการอัดฉีด ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาภาคส่งออกไปได้บ้าง

2.3 การจะทำค่าเงินบาทให้อ่อนเพื่อช่วยการส่งออก คงทำได้ยากเช่นกัน

ปกติแล้ว สำหรับประเทศที่เกิดวิกฤติ ค่าเงินจะอ่อนกว่าประเทศอื่นๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันประเทศที่มีปัญหามากๆ เช่น Iceland, Ukraine ค่าเงินจะอ่อนลงมาก ซึ่งโดยรวมแล้ว หมายความว่า เงินบาทของเราได้แข็งค่าขึ้นเทียบกับประเทศเหล่านี้ และโอกาสที่รัฐบาลจะทำให้เงินบาทอ่อนลงมากๆ เพื่อช่วยการส่งออกคงเป็นไปได้ยาก

เรื่องที่ 3 การกล้าทำในสิ่งที่ต้องทำ โดยใช้มาตรการที่ถูก ขนาดยาที่เหมาะสม ในประเด็นนี้ นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกันว่า วิกฤติครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี และถ้ารุนแรงเช่นนี้ การจะประคองตัวให้ผ่านไปได้ ยาหรือนโยบายที่จะใช้ต้องแรงไปด้วย ซึ่งในส่วนนี้หมายความว่า

3.1 ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด

3.2 กล้าลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว ไม่กลัวที่ดอกเบี้ยจะเป็น 0

3.3 กล้าขาดดุลให้พอ กล้าที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับกฎเกณฑ์วินัยการคลังที่เราตั้งไว้สำหรับช่วงปกติ โดยเฉพาะวงเงินการขาดดุลประจำปี ว่าควรยกเว้นสำหรับช่วงไม่ปกติเช่นวิกฤติครั้งนี้หรือไม่ หรือจะหลับหูหลับตายึดหลักการจนเศรษฐกิจฟุบก่อน

3.4 กล้าส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบว่า รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจะเป็นหัวหอกในการลงทุนสำหรับอนาคตอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งกล้าลดภาษีที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน เพราะท้ายที่สุด วิกฤติก็จะจบลง เศรษฐกิจจะขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นในตัวเราเองพอที่จะเริ่มลงทุนในอนาคตของประเทศสำหรับทุกคน

3.5 กล้าคิดอะไรนอกกรอบ กล้าที่จะตั้งเงินช่วยเหลือต่างๆ ที่จะมาช่วยปัญหาสภาพคล่องของ SME ที่กำลังจะเป็นปัญหาครั้งใหญ่ในปีนี้ และพร้อมเอาเงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจมาใช้ในกระบวนการหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในช่วงนี้

ถ้าจะว่าไปแล้ว ประเทศไทยเรายังมีจุดแข็งอีกมาก ทั้งในส่วนสถาบันการเงินที่ยังแข็งแรง บริษัทมีฐานะดี ผู้บริโภคมีหนี้ไม่มาก และรัฐบาลยังขาดดุลได้อีก เราคงต้องกล้าที่จะทำ กล้าที่จะนำเอาจุดแข็งเหล่านี้มาเป็นเครื่อง Leverage ในการแก้วิกฤติครั้งนี้ซึ่งก็หวังใจว่ารัฐบาลจะสามารถนำจุดแข็งที่เรามีอยู่มาใช้ให้เต็มที่ เพื่อนำพาประเทศให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ เพื่ออนาคตของทุกคน ขอเอาใจช่วยครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook