สวัสดีปีวัวถึก!!

สวัสดีปีวัวถึก!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผ่านไปแล้วสำหรับปีหนูซึ่งตลอดทั้งปี ไม่มีใครปฏิเสธว่าคนไทยซื้อหาสินค้าแพงขึ้นขนาดไหน ค่าครองชีพพุ่งปรี๊ด! ขณะที่เม็ดเงินในกระเป๋าถดถอยลง อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงนั่นเอง

ปีนี้ 2552 ชาว ''ฐานเศรษฐกิจ'' มีการตั้งขนานนามปีฉลูว่า เป็นปีวัวถึก ซึ่งไม่ใช่วัวเชื่องช้าอย่างแน่นอน เพราะบรรดาธุรกิจทั้งหลายต่างหาทางหนีทีไล่ไว้เรียบร้อยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนเชื่อว่าปีนี้การทำธุรกิจจะกลายเป็นวัวอึด อดทน และพร้อมที่จะสู้ศึกรบในทุกสถานการณ์ชนิดไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

โดยเฉพาะเรื่องราคาสินค้าที่รมว.กระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ''พรทิวา นาคาสัย'' ออกเดินสายตรวจเข้มตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ยืนยันส่งท้ายปีหนูว่าจะต้องลดราคาสินค้า 29 รายการ ตามต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์ก็มีนมพร้อมดื่ม,น้ำมันพืช,ข้าวสารถุง,ซีอิ๊ว ฯลฯ เป็นตัวเอก

สำหรับแผนดูแลราคาสินค้าปี 2552 นั้น นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน บอกไว้ว่าปีนี้จะติดตามภาวะต้นทุน ราคาสินค้า 200 รายการที่อยู่ในบัญชีติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สินค้าปรับลดราคาลงมาตามต้นทุนที่เป็นจริง โดยสินค้ากลุ่มใดที่ยังไม่ปรับลดราคาลงมา จะเรียกผู้ประกอบการมาขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาลง หากไม่ปฏิบัติตามอาจนำเข้าบัญชีสินค้าควบคุม เพื่อใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปจัดการ

แต่ที่แน่ๆเห็นว่าเปิดศักราชปีฉลู ทางกระทรวงพาณิชย์จะเรียกผู้ประกอบการมาบี้ให้ลดราคาตามต้นทุนจริง ซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าผู้บริโภคสินค้าต่างเฝ้ารอราคาใหม่ที่ถูกกว่าอย่างใจจดใจจ่อ

เพราะถ้าพลาดทางกระทรวงเขาก็มีทางออก เพราะเห็นว่าเทงบถึง 300 ล้าน ผุดแฟกตอรี เอาต์เลต และฟาร์ม เอาต์เลต ขายสินค้าราคาถูกกระตุ้นเศรษฐกิจกันเลย

รวมทั้งจะมีการจัดงานสินค้าธงฟ้าทั่วประเทศทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กกว่า 300 ครั้งในปี 2552 นี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้บริโภค รวมถึงมาตรการอื่นๆอีกมากมาย

คนไทยจะโชคดีได้ซื้อสินค้าราคาถูกจริงๆหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมือท่านรมว. พาณิชย์คนใหม่ ที่ชื่อ พรทิวา นาคาสัย คนนี้ เพราะของขวัญชิ้นล้ำค่าที่สุดในปีนี้ที่ผู้บริโภคตาดำๆ อยากได้คงหนีไม่พ้นค่าครองชีพที่ถูกลง

หันมาดูภาคการลงทุนกันบ้างแม้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะไม่ดี แต่ในแวดวงธุรกิจซอฟต์ดริงต์จำพวกน้ำผลไม้ก็มีการลงทุนให้เห็น ที่เพิ่งทำพิธีเปิดโรงงานไปเมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา คือบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ที่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

ซึ่งแม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดีแต่ทิปโก้ก็มีแผนที่จะใช้ไทยเป็นฐานผลิตแห่งภูมิภาคอาเซียน เรียกว่าหักมุมสวนภาวะเศรษฐกิจที่ยุคนี้ใครๆก็ปิดโรงงานและลดคน แต่ที่นี่มีการลงทุนถือเป็นข่าวดีๆ ให้ได้เห็นกันบ้าง

หันมาที่กระทรวงพาณิชย์กันต่อ ในฐานะผู้บริโภคคงต้องเช็กการทำงานของผู้รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด จะได้รู้ว่าคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชน ในเรื่องของการปรับลดราคาสินค้านั้น

ของแท้หรือของเทียม!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook