กลาโหมแถลงผลงาน 1 ปี ยันแก้ปัญหาใต้มาถูกทาง

กลาโหมแถลงผลงาน 1 ปี ยันแก้ปัญหาใต้มาถูกทาง

กลาโหมแถลงผลงาน 1 ปี ยันแก้ปัญหาใต้มาถูกทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

1 ก.ย. - พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการดำเนินงาน 1 ปี ของกระทรวงกลาโหม ในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เป็นนโยบายเร่งด่วน ที่รัฐบาลกำหนดให้เร่งดำเนินการ โดยมีการปรับโครงสร้างกลไกในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เพื่อช่วยให้งานของฝ่ายทหาร ตำรวจ พลเรือน ในด้านความมั่นคงและการพัฒนา มีความสอดคล้องและนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"ยืนยันว่า การแก้ปัญหาภาคใต้มาถูกทางแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมเพียงหน่วยเดียว แต่มีถึง 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน ซึ่งต้องใช้เวลา ขอให้ประชาชนใจเย็น โดยจะเดินหน้านโยบายนำกำลังตำรวจ อาสาสมัครรักษาดินแดน เข้าปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองพระ ครู และประชาชน แทนทหารให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทหารได้ทำงานเชิงรุกอย่างเต็มที่" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

พล.อ.อ.สุกำพล ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการปัญหาความไม่สงบ คือความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ ที่มีไม่เพียงพอ ทหารยังเข้าไม่ถึงประชาชาชน เพราะมัวแต่ทำงานเชิงรับ ทหารมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้น ขอเวลาให้ทหารได้ทำงาน เชิงรุกอย่างเต็มที่ และจะต้องไปดูต้นเหตุ ที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมยอมรับว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือ เคอร์ฟิว ช่วยทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการก่อเหตุมักเกิดขื้นในช่วงกลางคืน

"แต่ถ้าคนในพื้นที่ไม่ต้องการ เราก็ประกาศใช้ไม่ได้ จะต้องให้สิทธิการตัดสินใจกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วย จะต้องเชื่อทหารในแนวหน้า มากกว่าเชื่อทหารในแนวหลัง" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว

ส่วนเหตุป่วนกว่า 100 จุด ในพื้นที่ชายแดนใต้ วานนี้ (31 ส.ค.) และมีการนำธงชาติมาเลเซียมาปักตามจุดต่างๆ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า มีคนไม่หวังดีต่อไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น ระดับรัฐบาลต้องหนักแน่น และพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาไทยกับเพื่อนบ้านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และมั่นใจว่า มาเลเซียไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว และว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงของ 2 ประเทศ มีการพูดคุยกันตลอดเวลา - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook