วินนี่ไม่ท้อพร้อมคุมช้างศึกต่อ ขอโทษแฟนชวดแชมป์ซูซูกิคัพ
ฟุตบอล : วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยประกาศพร้อมคุมทัพช้างศึกต่อไปแม้ชวดแชมป์ซูซูกิ คัพ ในครั้งนี้ พร้อมขอโทษแฟนบอลที่ไม่สามมรถนำความสุขมาให้ สัญญาทุกคนจะได้เห็นทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในวันข้างหน้า
ส่วน ราดอจโก้ อัฟราโมวิช กุนซือชาวเซิร์บของสิงคโปร์สุดปลื้มปิดฉากชีวิตโค้ชได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังพาลอดช่องคว้าแชมป์อาเซียนสมัย 4 ได้สำเร็จ
กุนซือทีมชาติไทยกล่าวต่อว่า "สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราพลาดแชมป์ในครั้งนี้ก็คือการบุกไปแพ้ให้สิงคโปร์ก่อนในเกมแรกถึง 1-3 ทำให้เราต้องมากดดันในเกมนี้ ในขณะที่สิงคโปร์สมารถเล่นด้วยแท็กติกเพื่อยันเอาผลการแข่งขันที่ต้องการได้ เรานั้นเสียแชมป์เพราะสกอร์ในเกมแรก ส่วนเกมนี้เราเล่นได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทีมชาติสิงคโปร์อีกครั้ง"
สุดท้ายโค้ชชาวเยอรมันยังได้บอกด้วยว่า "แม้ตนจะไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จในซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ แต่ตนก็พร้อมที่จะคุมทีมชาติไทยต่อไป เพราะตนไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตนยังมีเป้าหมายที่จะพาทีมชาติไทยไปสู่ระดับแถวหน้าของเอเชียให้ได้
แต่ทั้งนี้ทุกส่วนก็ต้องทำงานร่วมมือกับตนด้วยไม่ว่าจะเป็นสมาคมฯ หรือ ทีพีแอล ก็ตามที่จะต้องจัดแมตช์การแข่งขันของทีมชาติไทยให้ตรงกับปฏิทินฟีฟ่า ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาทีมชาติไทยให้ก้าวหน้าต่อไปได้
และสุดท้ายก็ต้องขอโทษแฟนบอลชาวไทยทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง แต่ตนสัญญาว่าสักวันแฟนบอลทุกคนจะได้ชื่นชมและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทีมชาติไทยในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน" วินฟรีด เชเฟอร์ กล่าว
อัฟราโมวิชประกาศวางมือหลังพาลอดช่องคว้าแชมป์
ส่วนทางด้าน ราดอจโก้ อัฟราโมวิช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติสิงคโปร์ชาวเซิร์บ เผยว่า "เป็นการเดินทางที่แสนยาวไกลมากของสิงคโปร์ใน ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ เรานั้นโชคดีที่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ ส่วนไทยก็ไม่ถือว่าเป็นผู้แพ้เพียงแต่โชคอาจจะไม่เข้าข้างเท่านั้นเอง
สำหรับตนแล้วคืนนี้คงจะเป็นคืนสุดท้ายในฐานะโค้ชทีมชาติสิงคโปร์ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา กับ 3 แชมป์ที่ตนทำได้กับสิงคโปร์ถือเป็นสิ่งที่วิเศษสุดในชีวิต ต้องขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ ทีมงาน นักเตะ แฟนบอล สื่อมวลชน และทุกคนที่ให้การสนับสนุนตนมาโดยตลอด ลำพังตนคนเดียวคงไม่สามารถทำได้
โดยตนขอประกาศยุติบทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติสิงคโปร์หลังจบเกมในค่ำคืนนี้ทันที และหวังว่าทีมสิงคโปร์จะประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าต่อไป"
