เล่นหูเล่นตา-เวลา

เล่นหูเล่นตา-เวลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

365 วัน ผ่านไปไวเหลือเกิน เข้าสู่ปี 2552 แล้ว เราเดินไกลจากจุดเริ่มต้นเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี หรือว่าเรากำลังเดินเข้าใกล้จุดจบอีก 1 ปีน่ากลั๊ว !

// //

หลายปีที่ผ่านมา ฉันต้องร้องเพลงที่ต่างจังหวัดในสิ้นปี เลยไม่ได้ไปกอดเตี่ยกับแม่ และทุกคนในบ้าน แต่ปีนี้ร้องที่กรุงเทพฯได้ทำอย่างที่อยากทำแล้วเย้ !

ตอนเด็กๆ พอถึงวันสิ้นปี แม่กับน้าสุกก็จะทอดไส้กรอกผ่าสี่แฉก ที่ทอดแล้วบานๆ กองใส่จานใบใหญ่ (กว่าหน้าฉัน) ยำวุ้นเส้นพูนจาน หมูสะเต๊ะ กับไก่ย่างเจ้าอร่อย ถูกสรรหามาเรียงกันอยู่ตรงหน้า พร้อมพรั่งทั้งน้ำอัดลมหลากรสและสี นี่ถ้าจุดธูปจุดประทัดก็ไหว้เจ้าได้เลย มีพวกเราเป็นเจ้าเจ้ามือกินเรียบ !

ถึงวันนี้ ฉันชินตากับการเห็นผู้คนออกมากินและเที่ยวนอกบ้านในวันสำคัญต่างๆ จนไม่รู้สึกอะไรจากภาพที่เห็น นอกจากธนบัตรใบละ 100, 500, 1,000 ลอยว่อนอยู่กลางอากาศ ทุกสิ่งอย่างถูกเตรียมไว้ตอบสนองความต้องการของผู้ไขว่คว้าหาความสุขนอกบ้าน

ความสุขมันอยู่นอกบ้านหรือ ?

นุชปีนี้ต้องไปกินข้าวกับญาติๆ บ้านอาม่ารึเปล่า

ไปสิอาม่ามีจับสลากด้วยน้า นุชตอบลอยหน้ากลมๆ สีชมพูเหมือนเด็กอายุ 7-8 ขวบ ฉันแอบมองหน้านุชผู้ช่วยด้วยความอิจฉาที่นุชเป็นคนมีความสุขง่ายๆ

อือแล้วก็ต้องกินพิซซ่าชืดๆ หมูสะเต๊ะห่วยๆ ด้วย บอกอาม่านะนุช ปรับปรุงรสชาติอาหารมั่ง เกด ผู้ช่วยอีกคนทนไม่ไหวต้องสกัดความสุขนั้นไว้ไม่ให้เกินหน้าพวกเรา

โธ่! ก็มันบ้านคนจีนอ่ะ เอาอะไรมากมาย มารวมๆ กัน นานๆ ที แค่นี้ก็สนุกแล้ว อาหารก็กินๆ ไปงั้นแหละ นุชแก้ตัวแทนอาม่าที่เสียหน้าเพราะของกิน

ตอนเย็นของวันที่ 31 ธันวาค 2551 ฉันแอบแวบไปกินข้าวกับคนที่บ้าน เป็นไปดังคาด ยำวุ้นเส้นจานโตๆ เกือบเท่าถาด ทอดมันฝีมือแม่ที่เรียกทุกคนในบ้าน (ยกเว้นเตี่ย) มาช่วยกันโขลกจนเหนียวหนึบ ปั้นก้อนเท่ากำปั้นนักมวย ไม่ใช่เด็กหรือคนธรรมดา

2 ก้อนจุก ! เกดตั้งฉายาทอดมันแม่

เมียมนุษย์หินฟลินท์สโตนก็งี้แหละ ทำอะไรต้องใหญ่ไว้ก่อน ไม่รู้ลูกๆ ตะกละ หร่อิ่มกันแน่

ยำหมูยอใส่วุ้นเส้น หรือยำวุ้นเส้นใส่หมูยออ่ะพี่ มองเห็นแต่หมูยอ ไม่ค่อยเห็นวุ้นเส้นเลย เกดกินไปวิพากษ์ไป

ฉันนั่งอยู่เฉยๆ รู้สึกตัวเองไม่มีค่าขึ้นมาเฉยๆ เช่นกัน เลยลุกขึ้นมาสับปูนึ่งตัวโต 1 ถาดใหญ่ ที่ทางบ้านจะเอาไปจอยเวนเจอร์กับบ้านพี่วรรณ ฝั่งตรงข้ามที่เตรียมอาหารมาไม่แพ้กัน บ้านพวกเราทั้ง 2 หลัง อยู่ท้ายซอยของหมู่บ้าน เลยเอาโต๊ะเก้าอี้มาตั้งกลางซอย ปิดซอยซะงั้น ทุกคนวุ่นกับการเตรียมอาหารในห้องครัวใหญ่เปิดโล่งติดกับสวนหลังบ้าน ลมเย็นพัดมา นอกจากกลิ่นอาหารหอมๆ แล้ว หอมกลิ่นความสุข

พวกเราสุขกับความคุ้นเคยมากกว่าความแปลกใหม่

เตี่ยนั่งหน้าทีวีรออาหารฝีมือแม่ ฉันเอาทอดมันร้อนๆ กับก้ามปู ใส่จานเล็กๆ ไปให้เตี่ยกินรองท้อง เตี่ยบอกว่าจะออกไปแจมกับอาม่าบ้านพี่วรรณ เลยแค่ชิมๆ ไม่เอาอิ่ม

ฉันจกทอดมันพองๆ จากตะแกรงสะเด็ดน้ำมันข้างเตาของแม่มา 3-4 ชิ้น กินกับเกด รีบกินรีบไปทำงานต่อ

ก่อนกลับ เตี่ยเรียกไปหา เอามือวางบนหัวฉัน แล้วพึมพำ

มูเตรู อีกแล้วป๊ากู ฉันนึกในใจ

คนอื่นไม่มี แต่เรามี พรที่เตี่ยให้ แต่ตีความหมายไม่ออก สงสัยเตี่ยจะเคยดู อัจฉริยะข้ามคืน แล้วจำมาใบ้ให้ฉันถอดรหัส ไม่รู้เตี่ยหมายถึงอะไร ระหว่าง...

ความดี ความมั่งมี หรือ สามี

อันหลังไม่น่าจะใช่อ่ะกิ๊บ เพราะไม่อยากมีนะเซ่ !

ฉันเข้าไปกอดทุกคนในบ้านก่อนกลับ รวมทั้งหมา 2 ตัวของฉันความสุขอุ่นๆ ถูกเก็บสะสมไว้ในใจอีกครั้ง

5-4-3-2-1 สวัสดีปีใหม่ค่า

สิ้นสุดการนับเข้าสู่ปีใหม่ เสียง ปุปุปุ ดังขึ้น ลูกไฟวิ่งจากพื้นขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วแตกออกเป็นดอกเล็กๆ กระจายออกเป็นสีๆ ทุกคนแหงนมองท้องฟ้า ความสุขรวมตัวกันลอยขึ้นไปบนฟ้าเช่นเดียวกับพลุ

ถ้าปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นวันปีใหม่ มันจะเป็นยังไงนะ

ฉันแอบถามตัวเองเบาๆในความคิดของคนแบบฉัน โลกนี้มีสีเทา ไม่ใช่ขาว หรือ ดำ

ท่ามกลางความสุขความทุกข์ก็จะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ในการเริ่มต้นบางทีจุดจบก็จะมาดักรอเราตรงรอยต่อของเวลา

คไรแบบนั้น แต่มันก็ช่วย ชะลอความชะล่าใจในการใช้ชีวิต

ทุกคนยังวนเวียนอยู่ในความสุข ความทุกข์ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏจักรของชีวิต เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเท่าไหร่ก็เท่านั้นเมื่อมันมาถึงก็พร้อมรับอย่างมี สติ

สติ คือ ความนิ่งงันหลังความโกลาหล วุ่นวาย และฟูมฟาย ระหว่างที่หัวใจเต้นแรงจากเรื่องราวและสภาวะต่างๆ ช่วงที่เรากลั้นหายใจ ฉันเรียกมันว่า สติ เพราะมันจะทำให้เราได้หยุดคิด

ปีใหม่ หลายคนคงอธิษฐานขอให้สมหวังดั่งต้องการ สำหรับฉันไม่ขออะไรจากที่ว่า คนเรามักหวังในสิ่งที่ต้องการ มากกว่าพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ มันทำให้ฉันได้กลับมาอยู่กับความจริงตรงหน้า ไม่ปรารถนาอะไรที่ไกลเกินไขว่คว้า แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่กับทุกวันที่มี ราวกับว่าจะไม่มีพรุ่งนี้ให้เป็นข้ออ้าง ไม่ว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย หรือได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปี ชีวิตมันก็คุ้มค่าอยู่ในตัวมันทุกวันแล้ว จะสุข หรือ จะทุกข์ ฉันก็รักที่จะมีชีวิตและลมหายใจอยู่

เพราะชีวิต คือ การอยู่เพื่อรับรู้และลิ้มรสรสชาติของความเป็นคนนานเท่าที่เวลายังมีอยู่

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 

เจนนิเฟอร์

 

 

ภูมิใจไทย:ก้าวสำคัญของเนวิน

การเมืองแบบไทยๆ อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ฟัดกันแทบจะตายกันไปข้าง วันหนึ่งก็อ้าขาผวาปีกเข้าหากันได้อย่างไม่เคอะเขิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook