มุมมองศิลปินรังสรรค์ศิลป์ปีฉลู

มุมมองศิลปินรังสรรค์ศิลป์ปีฉลู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ใครๆก็ว่าปีฉลูนี้จะเจอแต่ความหมองหม่น จนพลอยให้จิตใจหม่นหมอง เหล่าศิลปินซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของความมีชีวิตชีวาไม่อยากให้ชีวิตเคลื่อนไหลไปตามสภาวการณ์ดังกล่าว นำเสนอศิลปะรับปีฉลูในมุมมองส่วนตัว ผ่านเส้นสีสื่อความหมายลุ่มลึก จุดประกายความหวังให้มีพลังสู้วิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่...

// //

สมานคลังจัตุรัส หัวหน้าแผนกภาพวาดสีน้ำมันศูนย์ศิลปาชีพบางไทรศิลปินเจ้าของผลงานภาพเขียนสีน้ำมันชื่อ ดอกฝ้ายคำ กล่าวว่าดอกฝ้ายคำนี้เป็นชื่อเรียกดอกไม้ทางภาคเหนือแต่คนในภาคกลางจะรู้จักในชื่อสุพรรณิการ์เวลาบานสะพรั่งจะมีสีเหลืองทองอร่ามเต็มต้นมองแล้วเพลินตาให้อะไรมากกว่าที่เราคิด

ฝ้ายคำนอกจากจะช่วยสร้างความสดชื่นรื่นรมย์อ่อนโยนคลายความกังวลยังทำให้มีความฝันอื่นๆตามมาเป็นการให้ความหวังให้กำลังใจซึ่งกันและกันดูแล้วสบายตาไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเหมือนกับการเมืองในปัจจุบันยิ่งกว่านั้นมองแล้วได้เห็นถึงความเป็นจริงของโลกซึ่งที่จริงแล้วไม่มีอะไรยุ่งยากหากแต่มนุษย์เองต่างหากที่เป็นผู้สร้างความยุ่งยากวุ่นวายทั้งหลายให้เกิดขึ้นส่วนธรรมชาตินั้นมีแต่ความงดงามอ.สมานสื่อความหมาย

ผศ.สุวิทย์วิทยาจักษุ์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยเพาะช่างเจ้าของผลงานภาพเขียนสีน้ำชื่อ ส่องแสงทอง อันสวยงามดุจมีชีวิตบรรยายถึงภาพวาดของตนว่าสื่อให้เห็นถึงความหวังและแสงสว่างที่รออยู่เบื้องหน้า

ผมมองว่าในปีฉลูสภาพเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมจะซบเซาความวุ่นวายมากมายเกิดขึ้นในสังคมและบ้านเมืองอาจจะยังไม่ค่อยสู้ดีนักซึ่งเป็นผลมาจากปีนี้ภาพนี้เป็นภาพที่แสดงถึงความส่องสว่างของดวงอาทิตย์ที่นอกจากจะให้แสงสว่างแล้วยังให้ความอบอุ่นและความหวังอีกด้วยส่วนรูปเรือหมายถึงเปรียบได้กับการที่เราจะวิ่งเข้าไปสู่แสงสว่างที่รออยู่เบื้องหน้าเจ้าของผลงานอธิบาย

นาวินแสงรบ ศิลปินจากกลุ่มศิลปินอิสระ96เจ้าของผลงานภาพเขียนสีน้ำมันบนผืนผ้าใบชื่อ หันหน้าเข้าหากัน พยายามสื่อให้เห็นถึงพลังแห่งสามัคคีที่เวลานี้เป็นสิ่งที่สังคมกำลังโหยหาทว่าสิ่งนี้คงเกิดขึ้นได้ยากหากยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ในปีฉลูนี้อยากให้คนไทยสามัคคีกันรักใคร่กันไม่แบ่งสีแบ่งฝ่ายไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกเพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนๆทุกคนก็เป็นคนไทยเหมือนกันควรหันหน้าเข้าหากันช่วยกันแก้ปัญหาจะทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายไปในทางที่ดีนาวินเรียกร้องผ่านผลงานศิลปะ

บวรบวรบุญฤทัย หรือ หวังซีชิง ศิลปินอิสระชาวไทยเชื้อสายจีนมองว่าปีวัวเป็นปีที่ดีในมุมมองของคนจีนวัวถือว่าเป็นสัตว์ใช้แรงงานทำงานด้วยความอดทนคนก็ต้องทำงานอย่างวัวคือต้องอดทนไม่ย่อท้อคล้ายๆกับฟ้าได้ส่งสัตว์ชนิดนี้มาตอบแทนคุณแผ่นดินให้คนได้ใช้ประโยชน์ในฐานะศิลปินคนหนึ่งก็ต้องวาดภาพด้วยความขยันขันแข็งตอบแทนสังคมที่ให้โอกาสได้แสดงฝีมือภาพนี้ชื่อ ทางช้างเผือกจากฟ้า ใช้เทคนิคสีน้ำมันสื่อให้เห็นถึงความงามในปีใหม่เสมือนทางส่องสว่างไปสู่การเริ่มต้นศักราชใหม่

อยากให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่เข้มแข็งอดทนผมเริ่มวาดภาพมาตั้งแต่อายุ10กว่าขวบปีนี้อายุ71แล้วก็ยังทำงานที่รักอยู่นั่นแสดงให้เห็นถึงความมานะอดทนเปรียบกับปีฉลูที่เป็นสัตว์ใช้แรงงานภาพนี้จึงมีพลังแฝงอยู่ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำงานหนักอย่างวัวหวังซีชิงสะท้อนมุมมอง

สังคมทองมี ศิลปินและครูศิลปะชื่อดังเจ้าของผลงาน วัว เล่ามุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับภาพนี้ว่ามีความผูกพันกับวัวเพราะเติบโตมาก็เห็นอยู่ในวิถีชีวิตวัวเป็นสัตว์ที่มีสรีระสวยงามแต่แฝงไทำงานเก่งไม่ว่ามนุษย์จะใช้เทียมเกวียนหรือไถนาไร่อยู่กลางแดดแรงกล้าที่สำคัญเป็นนักสู้หัวใจแกร่งให้มีความเป็นนักสู้อย่างวัวชนแต่ไม่ใช่เสี้ยมเขาให้ชนกัน

ปีนี้วิกฤติเศรษฐกิจย่ำแย่ทั้งไทยและโลกผลกระทบตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อาจไม่มีงานทำฉะนั้นก็เอาวัวเป็นแบบอย่างให้เข้มแข็งอดทนต่อสู้อย่างนักการเมืองทั้งหลายก็ต้องอดทนอย่างถึงที่สุดเพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมืองที่รุมเร้าต้องอดทนอดกลั้นอย่าโกงกินในสภาวการณ์อย่างนี้มองภาพนี้แล้วอยากให้เกิดความสุขยุติความขัดแย้งเวลาเครียดอยากให้ไปหาความสุขจากงานศิลป์ทั้งหลายเป็นความสุขราคาถูกอ.สังคมชี้ชวน

ฟังมุมมองดีๆจากเหล่าศิลปินแล้วปีนี้จะเป็นโอกาสหรือวิกฤติก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วล่ะ...

อาถรรพณ์นรกซานติก้า ที่ดินนี้มีตำนาน...เลือด!!!

จากที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย เพียงชั่วข้ามคืนของวันแรกที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2552 กลับกลายเป็นสุสานของเหยื่อเพลิงนรก นำมาสู่การผูกโยงถึงความเชื่อของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับ สุสานซานติก้าผับ ด้วยความหวาดผวา และบอกเล่าถึงเรื่องราวอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงลางร้ายบอกเหตุที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook