วีรชัยนำทีมทนายถึงไทยยันทำดีที่สุดรอฟังผลศาลโลก

วีรชัยนำทีมทนายถึงไทยยันทำดีที่สุดรอฟังผลศาลโลก

วีรชัยนำทีมทนายถึงไทยยันทำดีที่สุดรอฟังผลศาลโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บรรยากาศที่ห้องรับรองพิเศษ ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้สื่อข่าวจำนวนมาก มาปักหลักรอติดตามทำข่าวการเดินทางกลับจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ของคณะผู้แทนและทีมทนายความของไทย ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีโดยมีประชาชนบางส่วนเดินทางมารอตั้งแต่เช้าตรู่ ในเวลา 05.00 น. ขณะเดียวกันก็พบว่า มีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งมามอบดอกไม้ให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายตะโกนขอบคุณ ว่า ทีมทนายความทำดีที่สุดแล้ว ขณะที่ นายวีรชัย พลาศรัย ได้กล่าวขอบคุณคนไทยที่ได้ส่งกำลังใจให้ทีมทนายความ โดยเชื่อมั่นว่า ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด พร้อมทั้งภูมิใจที่ได้เก็บข้อมูลการให้ถ้อยแถลงเป็นความลับก่อนจะขึ้นศาล เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายกัมพูชาเดาทางได้ และซึ่งหลังจากให้ถ้อยแถลงแล้ว ได้มีการประเมินภาพรวมกับทีมทนายความแล้ว โดยยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ และมีความพร้อมที่จะส่งพิกัดแผนที่ตามที่ศาลร้องขอ ในวันที่26 เมษายนนี้ ส่วนผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร ไม่ขอก้าวล่วง โดยให้รอฟังในการตัดสินของศาลอีกครั้ง ทางด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา ก่อนแถลงด้วยวาจากับศาลโลก โดยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าผลการตัดสินคดีจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งได้มีการแยกระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและคดีออกจากกัน เพราะทั้ง 2 ประเทศ มีการค้าชายแดนร่วมกัน ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ โดยไทยกับกัมพูชา จะมีการประชุมเรื่องเขตพิเศษทางด้านเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ ฉะนั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศ จะต้องทำงานหนักขึ้น โดยการรวบรวมผลการชี้แจงทางวาจากับศาลโลกในครั้งนี้ มาตีพิมพ์ รวมถึง อธิบายความให้ประชาชนทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรอรับคำตัดสินส่วนกรณีลงนามคำสั่งการเปลี่ยนตัว นายวีรชัย ออกจากคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC นั้น นายสุรพงษ์ ตอบด้วยอาการงุนงง และถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นผู้เซ็นคำสั่งเปลี่ยนตัวใช่หรือไม่ และกล่าวด้วยว่า ในการดำเนินการเรื่องนี้ มีทูตท่านหนึ่งได้ดำเนินการแทนแล้ว เพื่อให้ นายวีรชัย ได้ใช้เวลาในการทำเอกสารขึ้นแถลงต่อศาลอย่างเต็มที่ ส่วนการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงานเหล่านี้ เป็นแนวทางการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ นายวีรชัย ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทำงานได้ดี ซึ่งส่วนตัวก็ให้เกียรติ นายวีรชัย ทำงาน และตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ส่วนบางคนที่ระบุว่า รัฐบาลนี้คอยดึงไม่ให้สู้เต็มที่นั้น ยืนยันรัฐบาลสู้เต็มที่เช่นกัน พร้อมทั้งปฏิเสธการไม่เปลี่ยนทีมทนายความ เพื่อโยนความผิดให้กับรัฐบาลชุดที่แล้ว ว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งเห็นว่าทีมกฎหมายชุดนี้เป็นทีมที่ดีที่สุด และทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ดุสิตโพล คนชมทนายแจงศาลโลก สวนดุสิตโพล สำรวจความเห็นประชาชนทั่วไป จำนวน 1,710 คน ในหัวข้อ "การแถลงด้วยวาจาของไทยต่อศาลโลก กรณีข้อพิพาทประสาทเขาพระวิหาร" พบว่า ร้อยละ 58.05 รู้สึกชื่นชมทีมทนายความของไทยที่เตรียมการมาอย่างดี สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็น ร้อยละ 42.37 ชื่นชอบและประทับใจ นายวีรชัย พลาศรัย ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความของไทย น.ส.อลินา มิรอง และทีมงานทุกคน ส่วนร้อยละ 40.20 หนักใจกลัวว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบและเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชาทั้งนี้ ร้อยละ 36.76 คิดว่า ประเทศไทยได้เปรียบมากกว่ากัมพูชา เพราะทีมทนายสามารถชี้แจงประเด็นต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ตรงประเด็น ร้อยละ 58.72 อยากฝากบอกนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ว่า จะต้องปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศชาติเป็นสำคัญ และร้อยละ 60.00 อยากฝากบอกนักการเมืองฝ่ายค้าน ให้ความร่วมมือ คำปรึกษาแนะนำแก่รัฐบาล ในเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ 'ไพบูลย์'ชม'วีรชัย'ทำดี-เชื่อศาลโลกไม่รับคดี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และในฐานะ คณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากการติดตามการให้การทางวาจารอบสุดท้ายกับศาลโลกของฝ่ายไทย รู้สึกมีความสุขและสบายใจ โดยเฉพาะการขึ้นให้การของ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีจุดยืนชัดเจน เปิดประเด็นในการต่อสู้อย่างสมบูรณ์ และจัดทีมทนายต่างชาติในครั้งนี้อย่างเหมาะสม จึงขอชื่นชมในการทำหน้าที่ดังกล่าว อีกทั้ง คนไทยทั้งประเทศ ทราบความจริงแล้วว่า ไทยเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รวมถึง ตัวปราสาท ด้วย แต่แพ้คดี ในปี 2505 ไปเท่านั้น  ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า ศาลโลก จะไม่รับพิจารณาคดี แต่หากรับแล้วตัดสินเป็นอย่างอื่น คนไทย ก็จะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลด้วย"ผมเชื่อว่า ศาลโลก ไม่รับพิจารณาเรื่องนี้ให้กับกัมพูชา ถ้าศาลโลกไปรับพิจารณาแล้วเป็นอย่างอื่น ผมเชื่อว่า คนไทยก็จะไม่ยอมรับ"  นายไพบูลย์ กล่าวนอกจากนี้ นายไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศหลังจากนี้  ต้องขึ้นอยู่กับทางกัมพูชา ไม่ใช่อยู่ที่ไทย  เพราะคนไทยตัดสินแล้วว่า กัมพูชา เป็นฝ่ายที่เกเร ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง โพลปชช.เชื่อมั่นคณะผู้แทนไทยปมพระวิหาร สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อคณะผู้แทนไทย กรณีปราสาทพระวิหาร จากประชาชนใน 17 จังหวัด จำนวน 2,165 คน พบว่า ร้อยละ 97.0 รับรู้ รับทราบข่าว กรณีปราสาทพระวิหาร ร้อยละ 61.3 มีความเชื่อมั่นต่อคณะผู้แทนไทย ต่อการแถลงการณ์กรณีปราสาทพระวิหารในครั้งนี้ ขณะที่ ร้อยละ 65.6 มีความพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายการทูต และร้อยละ 42.6 มีความพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายการเมือง ทั้งนี้ ร้อยละ 80.0 รู้สึกผิดหวังมากถึงมากที่สุด หากประเทศไทยจะต้องเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ให้กับประเทศกัมพูชา และร้อยละ 49.7 รู้สึกผิดหวังต่อฝ่ายการเมือง ที่ยังคงมีการออกมาโจมตีกันไปมาให้ประชาชนเห็นตามหน้าสื่อ พท.ร้องปชป.หยุดเล่นเกมหวังผลการเมือง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ทางพรรคเพื่อไทย ขอชื่นชมและให้กำลังใจทีมกฎหมายที่ต่อสู้คดีพิพาทพื้นที่เขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งการแถลงด้วยวาจาของฝ่ายไทยต่อศาลโลกที่ผ่านมา ถือเป็นความสุขของคนไทย หลังเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ทางฝ่ายค้านกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะทางพรรคประชาธิปัตย์ ควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์ขยายผล หรือโหนกระแสในเรื่องนี้ โดยทำให้เป็นเกมการเมือง รวมถึง อย่าบิดเบือนเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ประชาชนจะมีความเข้าใจ เพราะทางรัฐบาลและทีมกฎหมาย ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่  ปชป.ขอนายกฯชัดเจนท่าทีคดีพระวิหาร นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวแสดงการต้อนรับทีมทนายความ หลังเดินทางกลับถึงไทย จากการทำหน้าที่คดีปราสาทพระวิหารได้อย่างสมบูรณ์ แต่เรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ที่ต้องเตรียมการรองรับการตัดสินที่จะเกิดขึ้นในอีก 6 เดือน เพราะไม่ไว้วางใจท่าทีรัฐบาล ที่ไม่มีความชัดเจนต่อการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะ ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพการประชุมมรดกโลก ที่รัฐบาลนี้ให้การสนับสนุน เพราะอาจนำไปสู่การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเป็นฝ่ายเดียวได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึง พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารได้สำเร็จ และยังจะมีผลต่อคำพิพากษาของศาลโลก ในปลายปีนี้ด้วยอย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้อง นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีชัดเจน โดยการส่งทีมทนายของไทย ไปคัดค้านการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในครั้งนี้ด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook