DSIยันคดีเงินบริจาคปชป.ทำตามกม.ฟ้องกลับเป็นสิทธิ์

พันตำรวจเอกนิรันดร์  อดุลยาศักดิ์  ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวยืนยันว่า การดำเนินคดีพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ จะฟ้องกลับดำเนินคดี ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ ทั้งนี้ ดีเอสไอ ให้เวลา ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าชี้แจงอย่างเต็มที่ ส่วนจะสามารถสรุปสำนวนคดีให้กับทางอัยการได้เมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ถูกกล่าวหา ทั้ง 44 คน จะยื่นคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับทางดีเอสไอครบเบื้องต้น ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการเข้าชี้แจง สิ้นสุด วันที่ 2 พฤษภาคม 2556  ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ขยายเวลาเพิ่มตามที่ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้ทำหนังสือขอขยายเวลาในการแก้ข้อกล่าวหาต่อดีเอสไอ เป็นเวลาอีก 30 วัน ทนาย ปชป. นำ ส.ส. 2 คน รับทราบข้อหาคดีเงินบริจาคพรรคดีเอสไอแเล้วนายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความ นำ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามนัดหมาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 กรณีบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยหักบัญชีธนาคาร เกินกว่า 2 หมื่นบาท โดยภายหลังการรับทราบข้อหา นายองอาจ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาเพื่อชี้แจง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ถูกดีเอสไอดำเนินคดี พร้อมยืนยันว่า จ่ายเงินบำรุงพรรคผ่านการหักบัญชีธนาคาร เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังจ่ายเงินบำรุงพรรคด้วยการหักบัญชีธนาคารเช่นเดิม จึงเห็นว่า การดำเนินคดีของดีเอสไอนั้น กระทบสิทธิ์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง44คน ดังนั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อรักษาสิทธิ์และปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ซึ่งไม่ได้เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ตามที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาตอบโต้ผ่านสื่อมวลชน ส่วนจะดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น ต้องไปดูในรายละเอียดก่อน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร