หน้ากากขาว ชุมนุมCTW ม็อบแดงโผล่ไร้ป่วน

หน้ากากขาว ชุมนุมCTW ม็อบแดงโผล่ไร้ป่วน

หน้ากากขาว ชุมนุมCTW ม็อบแดงโผล่ไร้ป่วน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โฆษก สตช. ระบุ กลุ่มหน้ากากขาวทยอยรวมตัว CTW ม็อบแดงเริ่มโผล่ การจราจรยังปกติ ยังไม่มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจราจลคอยดูแลความปลอดภัยด้าน พท. ปัด นายกฯ ให้ท้ายเสื้อแดงปะทะหน้ากากขาว

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า ขณะนี้ในพื้นที่เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมารวมตัวกันแล้ว ตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยมีจำนวนประมาณ 100-200 คน ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงที่นัดรวมตัวกันในฝั่งตรงข้าม เริ่มทยอยเดินทางมาบ้างแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ จากการประเมิน คาดว่า จะมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมไม่เกิน 1,000 คน โดยกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และ สน.ปทุมวัน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบจราจลไว้คอยดูแลความปลอดภัยแล้ว เชื่อว่า จะไม่มีการปะทะกันเกิดขึ้น เนื่องจากได้มีการพูดคุยกับทางแกนนำแต่ละฝ่าย และขอความร่วมมือให้ชุมนุมโดยสงบแล้ว

อย่างไรก็ตาม โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการประเมินด้านการข่าว ยังไม่พบการเตรียมก่อเหตุวุ่นวายของมือที่สาม และเชื่อว่า การชุมนุมจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และยังไม่มีความจำเป็นต้องปิดการจราจรแต่อย่างใด

 

หน้ากากขาวชุมนุม CTW ยังไร้ป่วน

กลุ่มหน้ากากขาว ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่ บริเวณลานน้ำพุ ข้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการต่างๆ อาทิ โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมมองว่า เป็นนโยบายที่ก่อหนี้ให้กับคนทั้งประเทศ มากกว่าจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มเกษตรกร ตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณหลังป้ายแยกราชประสงค์ ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง เดินทางมารวมตัวเช่นกัน โดยมีการนำโลงศพกระดาษ และป้ายข้อความ ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว

ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และ 6 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัย จำนวน 2 กองร้อย หรือ 300 นาย พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง ประจำการอยู่บริเวณโดยรอบพื้นที่ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบของแยกราชประสงค์ เพื่อป้องกันกลุ่มมวลชนทั้ง 2 กลุ่ม เกิดการเผชิญหน้า ซึ่งสถานการณ์ทั่วไปยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ขณะที่ บริเวณด้านหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริเวณโดยรอบ กำลังตำรวจชุดปราบจราจลได้ยืนประจำการรักษาความปลอดภัยด้วย เนื่องจากมีรายงานว่า กลุ่มหน้ากากขาว จะไปทำกิจกรรมและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บริเวณด้านหน้าด้วย

 

พท.ปัดนายกฯให้ท้ายเสื้อแดงปะทะหน้ากากขาว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง เหตุการณ์กลุ่มแดงรักเชียงใหม่ 51 ปะทะกับกลุ่มหน้ากากขาว ที่ จ.เชียงใหม่ โดยยืนยันว่า ทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดง ในการต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว ตามที่ทางพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ที่คงสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ โดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ ส่วนตัวขอเรียกร้อง พรรคประชาธิปัตย์ ให้หยุดกล่าวหาเรื่องดังกล่าวเพื่อหวังผลทางการเมือง

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยืนยันว่า ทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะไม่ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก รับคำร้องคัดค้านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ของทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ในมาตรา 68 และ 237 เพราะเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของรัฐสภา

ปชป. จี้ นายกฯ ปรามเสื้อแดงปะทะหน้ากากขาว

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่มีการประกาศเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล ที่มีแนวโน้มจะถูกต่อต้านจากกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล ว่า ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว กลับไปใช้ความรุนแรงในการยับยั้งการเคลื่อนไหว ซึ่งไม่มีสิทธิ์กระทำได้ ดังเช่นเหตุการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ พบว่า กลุ่มคนเสื้อแดง มีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มหน้ากากขาว และแม้จะมีการออกมาประกาศว่าเป็นแดงเทียม แต่คนในพื้นที่ต่างรู้ดี

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ประสงค์จะเห็นการใช้ความรุนแรง และถือเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องส่งสัญญาณไปยังกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล ว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงกับบุคคลอื่นที่เห็นต่าง และนอกจากนี้ ควรส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ต้องมีความเข้มแข็งในการทำงาน และดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง จึงฝากเตือนว่า อย่าปล่อยให้เกิดการใช้ความรุนแรง เพราะอาจจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากยิ่งขึ้น

 

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook