ลูกหลานพาเจ้าของที่วัดป่าหนี หลังแก๊งอิทธิพลบุกขู่ฆ่า ปมไล่เณรคำ

ลูกหลานพาเจ้าของที่วัดป่าหนี หลังแก๊งอิทธิพลบุกขู่ฆ่า ปมไล่เณรคำ

ลูกหลานพาเจ้าของที่วัดป่าหนี หลังแก๊งอิทธิพลบุกขู่ฆ่า ปมไล่เณรคำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

แก๊งอิทธิพลบุกข่มขู่เอาชีวิตเจ้าของที่ดินวัดป่าขันติธรรม ลูกหลานต้องแอบพาหนีหัวซุกหัวซุน หลังหญิงศิษย์สนิทปู่เณรคำ ประกาศลั่นต้องแก้ข่าวไม่ให้ไล่หลวงปู่เณรคำออกจากวัด หากไม่แก้ข่าวอาจถึงขั้นเสียชีวิต

หลังจากที่ นางลอน มนัส อายุ 68 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินประมาณ 15 ไร่ ที่มอบให้ พระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ดำเนินการสร้างวัดป่าขันติธรรม แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไปร่วม 10 ปี หลวงปู่เณรคำ ยังคงไม่สร้างวัด แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวงแทน โดยอ้างว่าหากตั้งเป็นวัดแล้วส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคได้นั้น ทำให้นางลอนออกมาประกาศจะให้หลวงปู่เณรคำ กับคณะสงฆ์บางรูปไปอยู่ที่อื่น โดยนางลอนจะสร้างวัดเองตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (21 มิ.ย.56) นางลอน มนัส อายุ 68 ปี ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่าได้มีหญิงคนหนึ่งกับพวก 2 คน ขับรถยนต์สีขาวมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของตน จากนั้นได้บุกเข้ามาหาตนในบ้าน ซึ่งขณะนั้นตนกำลังทำภารกิจส่วนตัวอยู่ในบ้าน ซึ่งหญิงคนนี้ตนทราบว่าชื่อ ลลิตา เป็นศิษย์คนสนิทของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก 

อย่างไรก็ตามหลังจากนางลลิตา พบตนก็ได้ต่อว่าตนที่ไปให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะขับไล่หลวงปู่เณรคำออกจากวัด เนื่องจากว่าหลวงปู่เณรคำผิดสัญญาที่ไม่ยอมสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฏหมายตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งนางลลิตา แจ้งว่า จะทำการตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะในการป้องกันทุกคน หากสร้างวัดขึ้นมาก็จะต้องถูกตรวจสอบเรื่องการเงินต่างๆ  และด่าว่านักข่าวที่นำเสนอข่าวหลวงปู่เณรคำเป็นพวกมารศาสนา หวังทำลายหลวงปู่เณรคำซึ่งเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยนางลลิตาให้ตนไปแก้ข่าวใหม่โดยให้บอกว่า จะไม่ไล่หลวงปู่เณรคำออกจากวัดแล้ว 

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า หากว่าไม่ยอมไปแก้ข่าวให้หลวงปู่เณรคำ อาจจะทำให้ได้รับอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้ และได้แสดงอาการไม่พอใจตนอย่างรุนแรงตลอดเวลา 

นางลอน กล่าวต่อไปว่า ขณะที่นางลลิตา พูดจาข่มขู่ตนอยู่นั้น สามีและลูกสาวของตนรวมทั้งญาติพี่น้องทุกคนเห็นเหตุการณ์และได้รับทราบทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้ยืนยันว่า สิ่งที่ตนให้ข่าวกับนักข่าวไปนั้นเป็นความจริง เพราะว่าหลวงปู่เณรคำไม่ยอมที่จะสร้างวัดทั้งที่ตนได้บริจาคที่ดินให้ไปนานร่วม 10 ปี ซึ่งตนกับครอบครัวญาติพี่น้องของตนที่เคารพศรัทธาหลวงปู่เณรคำ พากันไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าขันติธรรมทุกวันพระอยู่แล้ว และไปร่วมงานวัดทุกครั้งที่มีการจัดงานขึ้นมา ซึ่งหลวงปู่เณรคำไม่เคยอยู่วัด และจะมาวัดเฉพาะเวลาจัดงาน หลังจากนั้นจะนำเอาเงินจากการจัดงานไปทั้งหมด กรรมการวัดที่ตั้งขึ้นมานั้นไม่ได้มีส่วนรับรู้ว่า เงินของวัดใช้จ่ายอะไรไปบ้าง หลวงปู่เณรคำจะใช้จ่ายเงินคนเดียวทั้งหมด ทำให้การเงินของวัดไม่โปร่งใส 

นางลอน กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หลักฐานการจ่ายเงินต่างๆ จะมีอยู่ที่อดีตกรรมการบริหารวัดหลายคนที่ชี้ชัดเจนว่าหลวงปู่นำเอาเงินส่วนมากไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อตนชี้แจงให้นางลลิตา ทราบ นางลลิตาจึงได้แสดงความไม่พอใจและแสดงอาการข่มขู่ตน ซึ่งลูกสาวของตนรวมทั้งสามีและญาติพี่น้อง จึงได้พากันขับไล่นางลลิตา กับพวกให้ออกไปจากบ้านของตน จากนั้นญาติพี่น้องของตนได้พาออกจากบ้านไปหลบซ่อนตัว เนื่องจากเกรงว่าอาจจะโดนแก๊งอิทธิพลทำร้ายถึงชีวิตได้ ซึ่งตนรู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่คิดว่าการที่ตนจะสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องนั้น กลับต้องมาโดนข่มขู่เอาชีวิตแบบนี้ ซึ่งตนจะได้หารือกับญาติพี่น้องเพื่อไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook