บิ๊กอรรณพชี้30เสียงจากด.2คือตัวตัดสิน

บิ๊กอรรณพชี้30เสียงจากด.2คือตัวตัดสิน

บิ๊กอรรณพชี้30เสียงจากด.2คือตัวตัดสิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี เชื่อว่า 30 เสียงที่มาจากดิวิชั่น 2 คือตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้ง

ความคืบหน้ากรณีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ หลังจาก “บังยี” วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกฯ ยืนยันว่าต้อง
ใช้ธรรมนูญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า มาบังคับใช้ และต้องเลือกตั้งภายในวันที่ 30 ก.ย.
มิเช่นนั้นจะถูกแบนอย่างไม่มีกำหนด ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายนั้น

ล่าสุด นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี กล่าวว่า ตอนนี้ต้องแล้วแต่สมาคมฟุตบอลฯ 
ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลฯ ต้องยึดตามกฎหมายของเมืองไทยด้วย ไม่ใช่อะไรๆ ก็บอกว่าต้องทำตาม ฟีฟ่า อย่างเดียว ซึ่งการที่ธรรมนูญฟีฟ่าระบุให้ประเทศไทยใช้ 72 เสียงนั้นตนเชื่อว่า ฟีฟ่า ฟังความข้างเดียวจากคำแนะนำของ นายวรวีร์


“ย้ำอีกครั้งว่า 72 เสียงผมเห็นชอบในหลักการ แต่ขั้นตอนต่างๆ มันยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยจาก 72 เสียงมี 30 เสียงที่มาจากดิวิชั่น 2 ซึ่งตรงนี้ยิ่งไม่มีหลักการอะไรมารองรับเลย เป็นการเลือกกันเอง ส่วนทีมจากถ้วย ข ค ง นายวรวีร์บอกเอาทีมแชมป์กับรองแชมป์ แต่กับดิวิชั่น 2 ที่ระดับสูงกว่ากลับจะใช้วิธีเลือกเอง ไม่เอาทีมแชมป์กับรองแชมป์ในแต่ละโซนที่มีผลงานดีและลงทุนสูง ซึ่งนั่นก็บ่งบอกได้ดีว่า 30 เสียงนี้คือเครื่องชี้วัดที่สำคัญของนายวรวีร์ในการเลือกตั้งครั้งนี้”

รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี กล่าวอีกว่า ตนไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดนายวรวีร์จึงต้องดิ้นรนขนาดนี้ ทั้งๆ ที่กระแสสังคมก็ไม่เอาเขาแล้ว อีกทั้งนายวรวีร์ก็หมดความชอบธรรมในการบริหารงานแล้วด้วย ส่วนตอนนี้ตนขอชะลอเรื่องการยื่นหนังสือกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไปก่อน เพราะจะขอดูรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง

ด้าน “ทอม” กษิติ กมลนาวิน คอลัมนิสต์กีฬาชื่อดัง เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นความจำนงต่อสมาคมฟุตบอลฯ แล้วว่าจะขอลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ในครั้งนี้ด้วยเพื่อเป็นทางเลือกให้กับสโมสรสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยทั้ง นายวรวีร์ มะกูดี, นายวิรัช ชาญพานิชย์ และ นายพินิจ งามพริ้ง
 
“ผมคลุกคลีกับวงการฟุตบอลไทยมา 40 ปี เรื่องแพ้ผมไม่เคยกลัวหรือใครจะว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมต้องการเข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้าขึ้น” นายกษิติ กล่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook