สาวกำพร้าท้า! "เณรคำ" พิสูจน์ดีเอ็นเอลูกชาย เตรียมร้อง มูลนิธิปวีณา

สาวกำพร้าท้า! "เณรคำ" พิสูจน์ดีเอ็นเอลูกชาย เตรียมร้อง มูลนิธิปวีณา

สาวกำพร้าท้า! "เณรคำ" พิสูจน์ดีเอ็นเอลูกชาย เตรียมร้อง มูลนิธิปวีณา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฉาวซ้ำอีก!! สาวกำพร้าท้า "หลวงปู่เณรคำ" ตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันมีสัมพันธ์กับพระดังตั้งแต่เรียน ม.2 มีลูกชายด้วยกัน น้อยใจไม่เคยได้เงินทองเท่าสาวคนอื่น

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ ว่า จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งพร้อมสามีได้เข้าร้องเรียนสื่อมวลชนว่า ตนเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระชื่อดังรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงได้เดินทางไปที่บ้านของหญิงสาวคนดังกล่าว เมื่อไปถึงพบ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และ ด.ช.โหน่ง (นามสมมติ) อายุ 11 ปี น.ร.ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ร.ร.ประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ใน จ.ศรีสะเกษ กำลังนั่งเล่นอยู่ในบริเวณข้างบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.น้ำเกลี้ยง มาคอยดูแลความสงบเรียบร้อย

น.ส.อ้อย กล่าวว่า ตนเป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับยาย พอช่วงเรียนระดับชั้น ม.2 ได้ไปทำบุญกับยายที่บริเวณที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งริมห้วยสำราญ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้พบกับพระชื่อดังและได้เข้ามาจีบตน จากนั้น พระชื่อดังได้ขับรถเก๋งมารับตนไปเที่ยวด้วยกัน และได้มีความสัมพันธ์กันบนรถ จากนั้นก็ได้มีเพศสัมพันธ์กันเรื่อยมา จนกระทั่งตนได้ตั้งท้อง และเรียนจบชั้น ม.3 พระชื่อดังจึงได้พาตนไปเช่าบ้านพักอยู่ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยพระดังก็ได้แวะเวียนไปนอนกับตนที่บ้านเช่าเป็นประจำ และได้ให้คนขับรถคนสนิทพากันไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี โดยได้ใช้ชื่อญาติของตนคนหนึ่งมาเป็นพ่อของเด็กที่เกิดขึ้นมา

หลังจากที่คลอดลูกแล้ว จากนั้นได้กลับมาพักอาศัยอยู่กับยายและญาติพี่น้อง ซึ่งพระชื่อดังก็ส่งเงินมาให้เป็นค่าเลี้ยงดูลูกชายทุกเดือน แต่ว่าไม่สม่ำเสมอต้องทวงถามค่านมลูกเป็นประจำ และก่อนหน้านี้มีเรื่องดังขึ้นมา พระดังก็ได้พาตนไปเช่าบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ พอเรื่องเงียบก็ให้ตนกลับมาอยู่บ้าน และต่อมาพระชื่อดังก็หายเงียบไปนานประมาณ 6 เดือน ตนจึงได้นำเรื่องไปร้องที่กองปราบปราม กรุงเทพฯ รวมทั้งตนกับลูกเคยพากันไปตรวจดีเอ็นเอที่ รพ.แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการให้พระชื่อดังมารับผิดชอบดูแลตนกับลูก และต่อมาพระชื่อดังได้ให้ลูกศิษย์คนสนิทที่เป็นตำรวจมาเคลียร์ปัญหาและจ่ายเงินให้ก้อนหนึ่งและจ่ายเงินค่าเลี้ยงลูกรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท ตนจึงได้ถอนแจ้งความที่กองปราบปราม

น.ส.อ้อย กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งขณะนี้ ลูกชายของตนอายุได้ 11 ปี วันนี้ตนไม่ได้ให้ลูกไปเรียนหนังสือ เนื่องจากเกรงว่าลูกของตนจะถูกอุ้มหายไป เพราะว่าพระชื่อดังมีลูกศิษย์ที่มีอิทธิพลมากหลายคนการที่ตนออกมาร้องกับสื่อมวลชนในครั้งนี้ เนื่องจากว่า พระชื่อดังไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูลูกมาให้ตนนาน 2 เดือนแล้ว ล่าสุดลูกศิษย์พระชื่อดังที่เป็นตำรวจทางหลวงโอนเงินมาให้ตน 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้ตนกับลูกได้รับความเดือดร้อนมาก โดยขณะนี้ตนมีสามีใหม่แล้ว และมีลูกกับสามีใหม่อีก 1 คน อายุประมาณ 4 เดือน ตนจึงอยากให้พระชื่อดังออกแสดงความรับผิดชอบส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ตนเช่นเดิมด้วย เพราะว่าลูกชายของพระชื่อดังกำลังโตและต้องใช้เงินในการศึกษาเล่าเรียนหนังสือรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นในชีวิตประจำวันด้วย

และหากพระชื่อดังไม่เชื่อว่า ลูกชายของตนเป็นลูกของพระชื่อดังจริง ก็พร้อมที่จะพิสูจน์ดีเอ็นเอ โดยขอให้พระชื่อดังนัดวันเวลามาเพื่อที่จะไปให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ตนช้ำใจมากที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เงินทองจากพระชื่อดังมากมาย แต่ว่าตนซึ่งมีลูกด้วยกันกับพระชื่อดังแท้ๆ แต่ว่าต้องมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ขณะที่ผู้หญิงคนอื่นของพระชื่อดังมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ตนจึงขอเรียกร้องให้พระชื่อดังออกมาส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้กับตนและลูกด้วย ซึ่งตนจะขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา เพื่อขอให้ช่วยเหลือตนในเรื่องนี้ด้วย และตนขอให้ตำรวจ สภ.น้ำเกลี้ยง มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับตนและครอบครัวด้วย เนื่องจากว่า ขณะนี้ตนเกรงกลัวอิทธิพลของพระชื่อดังมาก เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยนั่นเอง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook