แฉลีลารัก พระชื่อดัง เสพสมสีกาในรีสอร์ทยันป่าช้า

แฉลีลารัก พระชื่อดัง เสพสมสีกาในรีสอร์ทยันป่าช้า

แฉลีลารัก พระชื่อดัง เสพสมสีกาในรีสอร์ทยันป่าช้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอลงพื้นที่สอบปากคำ "เมียพระชื่อดัง" ยืนยันคำเดิม มีสัมพันธ์กันตั้งแต่ ม.2 ให้เงินครั้ง 1,000 พาเสพสมที่ รีสอร์ท ยัน ป่าช้า

(6 ก.ค.) ความคืบหน้ากรณีอื้อฉาวพระชื่อดัง พระวิรพล สุขผล หรือ พระเณรคำ ประธานที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในหลายจุด รวมทั้งสอบปากคำกรณีสัมพันธ์กับสีกา ทั้งภาพนอนกับผู้หญิง และหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นภรรยาของพระและมีลูกชายด้วยกัน

พันโทนายแพทย์เอนก ยมจินดา ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีภาพคล้าย พระเณรคำนอนกับสีกา ระบุว่า ขอใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน น่าจะทราบผลว่าเป็นภาพจริงหรือภาพตัดต่อ ปัญหาที่พบน่าจะเป็นในส่วนของคุณภาพของภาพที่มีความละเอียดต่ำ ซึ่งอาจจะไม่ได้รับผลยืนยัน 100% แต่ก็สามารถนำไปใช้ในการดำเนินคดีความได้

ขณะที่กรณีของ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของพระเณรคำ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 11 ปี แล้ว เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำโดยตรง โดย น.ส.อ้อย ยังคงยืนยันตามคำให้การเดิม ซึ่งระบุว่า เคยมีสัมพันธ์กับพระชื่อดังตั้งแต่สมัยเรียนชั้น ม.2 เนื่องจากเคยไปทำบุญและพระชื่อดังตามจีบ ก่อนจะเริ่มแอบคบหากัน พระชื่อดังจะนัดออกไปเที่ยว โดยขับรถมารับที่หมู่บ้าน พระชื่อดังจะแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนส์แบบคนทั่วไป แต่จะสวมใส่หมวกและแว่นตาตลอดเวลา

น.ส.อ้อย ยังบอกอีกว่า ได้มีเพศสัมพันธ์กับพระชื่อดังครั้งที่บนรถ ก่อนจะมีครั้งต่อๆ ไปอีกหลายครั้งเรื่อยมา ซึ่งพระชื่อดังจะพาไปเสพสมที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ จ.อุบลราชธานี หรือไม่ก็ที่กุฏิสงฆ์ในป่าช้าบ้านยาง แต่ละครั้งพระชื่อดังจะให้เงิน 1,000 - 1,500 บาท จนทราบว่าตั้งครรภ์ พระชื่อดังก็ได้เช่าบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ให้อยู่ จนคลอดลูกและใช้ชื่อญาติเป็นพ่อของเด็ก

ทั้งนี้ ภายหลังจากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำตัว น.ส.อ้อย ไปชี้จุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งรีสอร์ทและป่าช้าบ้านยาง เพื่อเป็นหลักฐานประกอบรูปคดีต่อไป ซึ่ง น.ส.อ้อย ยืนยันว่า เคยมีสัมพันธ์กับพระชื่อดัง โดยมีหลักฐานเป็นเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกชาย แม้ว่าระยะหลังๆ จะขาดส่งและจำนวนลดลงก็ตาม

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวสนับสนุนจาก ไอ.เอ็น.เอ็น และ ข่าวสดออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook