ตะลึง!! "เณรคำ" ถอยรถเบนซ์ 3 ปี 22 คัน มูลค่าเกือบ 100 ล้าน "ดีเอสไอ" เตรียมแถลง

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดีพระเณรคำ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานจาก พ.ต.ท.กรวัชร ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการพิเศษภาค ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบกรณีการครอบครองรถหรูว่า ช่วงปี 2552-2554 พระเณรคำมีการติดต่อซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์จาก จ.อุบลราชธานี จำนวน 22 คัน เป็นเงินกว่า 95 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจะแถลงรายละเอียดในช่วง 14.00 น. วันนี้อีกครั้ง

ก่อนหน้านั้น เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.)ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กล่าวว่า ในวันที่ 10 กรกฎาคม ดีเอสไอและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ เพื่อตรวจดีเอ็นเอเด็กชายวัย 11 ขวบ มารดาอ้างว่าเป็นบุตรของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้งตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับพ่อแม่ของหลวงปู่เณรคำ เนื่องจากหลวงปู่เณรคำไม่สามารถเดินทางมาตรวจดีเอ็นเอได้

ทั้งนี้ ผลการตรวจดีเอ็นเอพ่อแม่ซึ่งเป็นญาติสายตรงลำดับรองจะได้ผลที่เชื่อถือได้ 99.9999% และจะทราบผลความเป็นพ่อแม่ลูกได้ภายใน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม การตรวจดีเอ็นเอต้องเกิดจากความสมัครใจของผู้เกี่ยวข้อง ทางเด็กชายอายุ 11 ขวบ ที่หญิงสาวอ้างว่าเกิดจากหลวงปู่เณรคำ ยินยอมให้ลูกชายได้รับการตรวจ สำหรับพ่อแม่ของหลวงปู่เณรคำทางดีเอสไออยากวิงวอนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อความชัดเจน

"หลังจากนี้ดีเอสไอจะร่วมมือกับ พศ.จัดสัมมนาเวิร์กช็อป เพื่อช่วยกันหาแนวทางป้องกันปัญหาลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย ใช้กรณีของหลวงปู่เณรคำเป็นต้นแบบ หรือเรียกว่า ′เณรคำโมเดล′ อาจจะนำไปสู่การแก้ไขระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับสงฆ์ให้ชัดเจนขึ้น" นายธาริตกล่าว และว่าจะทำหนังสือถึง ปปง.ขอให้ใช้มาตรการทางแพ่ง อายัดทรัพย์สินทั้งเงินสดในธนาคาร ที่ดิน รถยนต์ ในความครอบครองของหลวงปู่เณรคำโดยเร็ว เนื่องจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว