ดีเอสไอลุยสอบญาติเณรคำต่อ-ล่าตัวคนอมทองคำ8ตัน

ดีเอสไอลุยสอบญาติเณรคำต่อ-ล่าตัวคนอมทองคำ8ตัน

ดีเอสไอลุยสอบญาติเณรคำต่อ-ล่าตัวคนอมทองคำ8ตัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดีเอสไอ ลงพื้นที่ อุบลฯ ศรีสะเกษ รวมหลักฐานล่าตัว ''เณรคำ'' ต่อ สอบเรียงตัวญาติสนิท หาทรัพย์สินที่เหลือ และคนอมทองคำ 8 ตัน ที่ร่ำลือด้วย ชี้ หมายจับเพิ่มมีแน่ ขณะที่ ''พ.ต.ท.พงศ์อินทร์'' ไม่ขอเผยที่อยู่ 'เณรคำ' โยน ปปง. ดูปมทรัพย์สิน

นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์  หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ความคืบหน้า การรวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีของ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ที่ต้องข้อหา ฉกรรจ์ 3 ข้อหาก่อนหน้านั้น ขณะนี้ ทีมสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ ยังอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี  เพื่อสอบปากคำ ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคดีฉ้อโกงประชาชน เพื่อหาทรัพย์สินที่เหลืออยู่จำนวนมากของเณรคำ ที่คาดว่า จะยังแอบซ่อนอยู่โดยคนใกล้ชิด  รวมไปถึง ทองคำ ที่มีผู้บริจาคมาจำนวนมาก ที่บางกระแสกล่าวว่า อาจมีสูงถึง 8,000 กก. ด้วย ซึ่ง ดีเอสไอ กำลังร่วมกับ ปปง. สอบเชิงลึกว่า ทองคำที่ว่าเก็บไว้ที่ใครกันแน่ แต่จำนวนจะมากตามที่เป็นข่าวหรือไม่นั้น ไม่สามารถยืนยันได้

นอกจากนี้ กรณีที่มีคนอื่น เช่น ญาติ หรือ คนใกล้ชิด เกี่ยวข้องในคดีฉ้อโกงด้วยหรือไม่ นายอังศุเกติ์ กล่าวว่า หากสาวไปถึงใครก็ออกหมายจับทั้งหมด ทั้งญาติ หรือคนใกล้ชิด แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ดีเอสไอ คาดว่า เมื่อ เณรคำ ถูกออกหมายจับ และหลบหนี ขบวนการนี้จะอ่อนกำลังลง ดังนั้นการเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่ใช้เรื่องยาก

 

DSIไม่ขอเผยที่อยู่ 'เณรคำ' โยน ปปง.ดูปมทรัพย์สิน

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 3 สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
(ดีเอสไอ) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีต
พระเณรคำ ภายหลังจากการถูกอายัดทรัพย์สินและเพิกถอนหนังสือเดินทาง ว่า ตามกระแสข่าวและภาพที่ปรากฏในขณะนี้ว่า อดีตพระเณรคำ อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ขอเปิดเผยหรือยืนยันว่าเณรคำอยู่ที่ใด เพราะเกรงว่าอาจจะมีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ และมีผลเสียต่อรูปคดีได้ ส่วนกรณีภายหลังสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำการอายัดทรัพย์อดีตพระเณรคำ กว่า 60 ล้านบาท และมีเงินจำนวนมากที่หายไปจากบัญชี ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการโอนไปต่างประเทศนั้น ทางดีเอสไอ เผยว่า ขอมอบให้เป็นหน้าที่ของทาง ปปง. เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนทางดีเอสไอตอนนี้ ได้ดำเนินการส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกหนังสือเดินทางให้กับทุกประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับทางประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีหนังสือเดินทาง การเดินทางเข้าเมืองของอดีตพระเณรคำ ก็จะผิดกฎระเบียบ และจะถูกดำเนินการผลักดันตามกฎหมายเข้าเมืองต่อไป

 

ปปง.ชี้ข่าวสมีคำดังเหตุเงินในบัญชีถูกถ่ายเท

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า แม้ ปปง. จะทำการยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 60 รายการ มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ 23 คัน และที่ดินในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 10 แปลง รวมกว่า 30 ไร่ และบัญชีเงินฝากในธนาคารอีก 27 บัญชี ไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การทำงานของ ปปง. ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะกรณีการยึดเงินในบัญชี ซึ่งเมื่อเริ่มต้นทำคดีนั้น พบว่ามีเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 200 ล้านบาท แต่เมื่อกระแสข่าวโด่งดัง ทำให้เงินสดในบัญชีถูกยักย้ายถ่ายเทออกไป จนท้ายที่สุดก็เหลือเงินในบัญชีที่สามารถอายัดและยึดได้เพียง 3 แสนบาท เท่านั้น

"ต้องบอกว่า คดีอดีตพระเณรคำนี้ โด่งดังจริง ๆ ทำให้คนร้าย หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง สามารถยักย้ายถ่ายเทเงินสดในบัญชีได้ ทำให้ขั้นตอนการทำงานติดตามทรัพย์ เส้นทางเงินลำบากมากขึ้น แต่ ปปง. ก็ไม่ท้อ จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป" พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook