ข่าวเด่นการศึกษา ปี51

ข่าวเด่นการศึกษา ปี51

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
2551 ปีแห่งความสับสนวุ่นวาย ได้เกิดเหตุการณ์มากมายที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาในบ้านเราคมชัดลึก ขอสรุปภาพรวมให้คุณผู้อ่านได้ร่วมย้อนอดีตร่วมกัน และเพื่อหาทางออกแต่ละปัญหาในปีต่อไป

// //

1.ดีเอสไอฟันแป๊ะเจี๊ยะ

โรงเรียนสยองทันที เมื่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ประกาศจะฟันแป๊ะเจี๊ยะ แถมมีการปล่อยข้อมูล โรงเรียนประถมศึกษาชื่อดังบางแห่งรีดเงินแป๊ะเจี๊ยะเหยียบล้านบาท เพื่อแลกกับการเข้าเรียนชั้นป.1 ทำให้กระแสสังคมพุ่งเป้าไปโรงเรียนสาธิตชื่อดัง แต่สุดท้าย ดีเอสไอ ก็เปิดออกมาว่ามี 4 โรงเรียนดัง ที่มีข้อมูลผู้ร้องเรียน แต่ดีเอสไอเงื้อดาบจะฟันมานานหลายเดือน จนกระทั่งสิ้นปี2551 ก็ยังไม่มีการฟ้องร้องขึ้นสู่ศาลแม้แต่คดีเดียว ขณะที่ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ได้เรียกร้องให้ดีเอสไอนิยามคำว่า แป๊ะเจี๊ยะ ให้ชัดเจนเพราะเกรงว่าสังคมจะสับสับ กับ เงินบริจาค ที่พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 มาตรา 58 เปิดช่องให้โรงเรียนเรียกเก็บเงินได้

2.ลอยแพลูกจ้างร.ร.เอกชน

เศรษฐกิจไม่ดี ลูกจ้างโรงเรียนเอกชนยังต้องถูกซ้ำเติมจาก พระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน 2550 ซึ่งมาตรา 86 กำหนดให้ลูกจ้างโรงเรียนเอกชนออกจาก การประกันตน ตามมาตรา 33 ของกฏหมายประกันสังคม แม้จะแก้ปัญหาเปลี่ยนให้ลูกจ้างโรงเรียนเอกชน ยื่นขอประกันตัวเองตามมาตรา 39 ของกฏหมายประกันสังคมแทน แต่ได้รับสิทธิน้อยกว่าเดิม ลูกจ้างโรงเรียนเอกชนตบเท้าไปฟ้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม ในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการก็ยอมรับว่าพ.ร.บ.ร.ร.เอกชน 2550 มีข้อบกพร่องจริง และได้ยกร่างแก้ไขพ.ร.บ.ร.ร.เอกชน 2550 ใหม่ แต่ด้วยความผันผวนทางการเมือง ทำให้ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ร.ร.เอกชน 2550 ไปไม่ถึงสภาสักที ขณะที่ลูกจ้างร.ร.เอกชนต่างเฝ้ารอจนถึงวันนี้

3.รับน้องโหดซ้ำซาก!!

แล้วประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยอีกปี กับการ รับน้องโหด แม้กระทรวงศึกษาธิการออกกฏหมายห้ามรับน้องโหด และสังคมเองก็ประณามทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์รับน้องแบบพิศดาร แต่ น้องแชมป์-นายกฤษณะ ฉัตรสุวรรณ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ก็ต้องเซ่นสังเวยชีวิตรับน้องโหดไปอีกศพ หลังจากรุ่นพี่จัดกิจกรรมรับน้องที่หาดเจ้าสำราญ จังหวัดเพชรบุรี พอรุ่นพี่เมาได้ที่ก็จับรุ่นน้อง ทิ้งดิ้ง (''ทิ้งดิ่ง'' คือรุ่นพี่จับขารุ่นน้องยกขึ้นให้สูงจากพื้น ส่วนศีรษะจะห้อยลงพื้น จากนั้นรุ่นพี่จะปล่อยขาเพื่อให้รุ่นน้องทิ้งดิ่งลงมา ซึ่งวิธีดังกล่าวรุ่นพี่จะใช้เป็นวิธีการวัดใจรุ่นน้อง)ถึงขั้นเลือดคั่งในสมอง ต้องผ่าตัดกะโหลก แต่ไม่รอด จบชีวิตอย่างน่าอนาจในที่สุด และเช่นเคย ตัวการ ที่ก่อเรื่องเป็น ศิษย์เก่า ที่จบออกไปแล้ว

4.ทุจริตสอบไฮเทค!!

เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลกว่าที่ ผู้ใหญ่ จะตามทันเด็ก การจัดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีนักเรียนใช้ นาฬิกามือถือ เป็นอุปกรณ์ในการ ลอกข้อสอบ สุดท้ายถูกจับได้ ต้องปรับตกทุกวิชา ส่วนรุ่นพี่ที่ส่ง คำตอบ จนถึงวันนี้ยังจับตัวไม่ได้ ผลงานสุดไฮเทคของเด็กคู่นี้ ทำให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ต้องออกประกาศมาตรการ ห้ามมือถือ ห้ามนาฬิกา เข้าห้องสอบเด็ดขาด งานนี้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ( สทศ.)ต้องเตรียมสำรอง ถุงดำ จัดส่งให้ทุกห้องสอบ ริบนาฬิกา มือถือ อุปกรณ์ไฮเทคทุกชนิดใส่ถุงดำเอาไว้ ขณะที่โรงเรียนที่จัดสอบโอเน็ตให้นักเรียนชั้นม.6 จำนวน 3-4 แสนคน ต้องจัดหา นาฬิกาแขวนดูเวลาแทนให้เด็กนำนาฬิกาเข้าห้องสอบ นี่คือการแก้ปัญหาสุดโลเทค!!

5.จับตำราเถื่อนองค์การค้าฯสูญ100ล้านบาท

การลักลอบพิมพ์แบบเรียนเถื่อนถูกกล่าวขานถึงมานาน แต่ว่ายังไม่เคยมีการจับกุมได้เป็นจริงเป็นจัง แต่เมื่อช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดย จิตรนรา นวรัตน์ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดียาเสพติด 5 สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สกสค.ได้ประสานกับ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.) ทำการล่อซื้อ และเข้าจับกุมร้านจำหน่ายแบบเรียนเถื่อน ใน 4 จังหวัดพร้อมๆ กัน ได้แก่ จ.ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุดรธานี และ ขอนแก่น โดยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดจำหน่ายหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์ขององค์การค้าของ สกสค.หรือหนังสือเถื่อนได้ใน จ.ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และ อุดรธานี ส่วนที่ จ.ขอนแก่น ผู้กระทำผิดไหวตัวทันทำให้ไม่สามารถจับกุมได้ ผลการดำเนินการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถริบของกลางเป็นหนังสือแบบเรียนที่ลักลอบพิมพ์ รวม 30,000 เล่ม อาทิ แบบเรียนระดับประถมศึกษา วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย

การเข้าจับกุมผู้กระทำผิดครั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งยอดการจำหน่ายหนังสือแบบเรียนที่ต่ำกว่าตัวเลขที่ทำการวิจัยได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า น่าจะมีการลักลอบพิมพ์แบบเรียนเถื่อนออกจำหน่ายเป็นจำนวนมากในตลาด ดังนั้น องค์การค้าฯ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ กระทั่งทราบว่า มีหนังสือแบบเรียนเถื่อนจำหน่ายอยู่ในพื้นที่ใดบ้าง นำมาสู่การล่อซื้อและจับกุมในที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเอาผิดกับอดีตข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในกระบวนการดังกล่าวได้ ทว่า ไม่สามารถสาวถึงต้นตอโรงพิมพ์ที่เป็นผู้จัดพิมพ์แบบเรียนเถื่อนได้ ผลการลักลอบพิมพ์แบบเรียนเถื่อนออกมาจำหน่ายครั้งนี้ทำให้องค์การค้าฯ สูญรายได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิดภาคเรียนไปถึง 100 ล้านบาททีเดียว

6.ย้ายโยธินบูรณะ

พลังสีขาวได้สำแดงฤทธิ์อีกครั้ง เมื่อการก่อสร้าง รัฐสภาแห่งใหม่ ต้องย้าย โรงเรียนโยธินบูรณะ ออกไป ลูก ชมพู-น้ำเงิน ทั้งศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่ารวมพลังตบเท้ามากระทรวงศึกษาธิการ บุกสภาขอพบ ปู่ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เพื่อฟังคำชี้แจง ถึงสถานที่ตั้งโรงเรียนแห่งใหม่ อยู่ในย่านชุมชนแอดอัด ขนาบด้วยปั๊มน้ำมัน แถมมีปัญหาจราจรติดขัดหนัก แต่สุดท้ายเมื่อข่าวเงียบไป ดูเหมือนว่าร.ร.โยธินฯยอมย้ายออกแล้ว ส่วนรัฐสภายอมควักกระเป๋าเนรมิตโรงเรียนที่มีอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนครบครันให้กับเด็ก เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน

7.แยกสอบวิทย์

ระบบแอดมิชชั่นส์เริ่มคลายพิษ! เพราะไม่สามารถคัดคนที่มีความรู้ความสามารถตรงตามศักยภาพเข้าเรียนได้ โดยเฉพาะคณะแพทย์ศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ มีนิสิต นักศึกษาสอบตกวิชาวิทยาศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ฯลฯ กันเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการรวม3วิชา คือ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยาเอาไว้ในวิชาวิทยาศาสตร์เพียงวิชาเดียว แต่คะแนนสอบเท่ากับวิชาสังคม และวิชาภาษาไทย ส่งผลให้คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศรวมพลังเรียกร้องให้แยกสอบวิทย์ ในที่สุดคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศกร้าว! แยกสอบวิทย์เป็นแห่งแรกในปีการศึกษา 2554

8. อาจารย์อมนกเขา

สังคมเสื่อมอาจารย์ไร้จรรยาบรรณ สั่ง ศิษย์สาว อมนกเขาแลกเกรด ศิษย์สาวไม่ยอมซ้อนแผนถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน ดำเนินคดีแจ้งความเอาพิษ อาจารย์วิศวะจนมุมรับสารภาพสิ้น ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ออก พร้อมแถลงเสียใจขอโทษสังคมที่เกิดเรื่องฉาว! ตามติดด้วยการออกระเบียบคุมเข้ม ความประพฤติอาจารย์หากละเมิดโทษไล่ออก สถานเดียว แต่พฤติกรรมฉาว ข่าวข่ายเป็น เสือใบ ของอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกแห่ง ยัง คาใจ สังคมไทยเท่าทุกวันนี้ เพราะเพียงขอโทษผ่านสื่อ

9.วิทย์-คณิตไทยตกต่ำ

ก่อนสิ้นปี 2551 ผู้บริหารสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)แถลงผลประเมินการเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กไทย ภายใต้โครงการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ร่วมกับนานาชาติ ปี พ.ศ.2550 โดยดำเนินการประเมินผลนักเรียนชั้นม.2 ในวิชาคณิตฯ-วิทย์ฯ จำนวน 5,412 คน จาก 150 โรงเรียน ระหว่างปี2547-2551 จำนวน 59 ประเทศ และ 8 รัฐเข้าร่วมประเมินทุกๆ 4 ปี ปรากฏว่าทั้งวิทย์-คณิตเด็กไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนานาชาติอ 500 คะแนน เพราะไทยอยู่ที่ 471 และ441 คะแนนตามลำดับ แม้รั้งท้ายแต่น่าจะดีกว่านี้หากปัจจัยรอบด้านเกื้อหนุน

10.แต่งลูกศรีเมือง

ปิดท้ายด้วย ผลงานสร้างชื่อ ของรัฐมนตรี ศรีเมือง เจริญศิริ ก็คือ ข่าวงานแต่งลูกชาย ที่ถูกแฉว่า มีคำสั่งจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ไปยังวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ให้ขนครู นักเรียน มาช่วยจัดเลี้ยงพระในช่วงเช้า และทำของชำร่วยแจกแขก แม้ว่าส่งโฆษกรูปหล่อ ยุรนันท์ ภมรมนตรี ออกมาชี้แจ้งว่า ไม่ได้ใช้บริการฟรีแต่จ่ายเงินค่าจ้างให้วิทยาลัย 2.5 แสนบาท แต่คิดคำนวณแล้ว เงินหยิบมือแลกจัดเลี้ยงแขก 400 คน พร้อมของชำรวยอีก 4,000 ชิ้นเป็นราคาที่ถูกแสนถูก เพราะฉะนั้น งานนี้ถึงศรีเมืองรอดข้อหาใช้อำนาจหน้าที่กินฟรี แต่ยังไม่พ้น คำนินทา อาศัยความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการซื้อของถูกกว่าความเป็นจริง

0 ทีมข่าวการศึกษาคมชัดลึก 0

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook