DSIออกหมายเรียกน้องเณรคำอ้างรับผิดแทนพี่

DSIออกหมายเรียกน้องเณรคำอ้างรับผิดแทนพี่

DSIออกหมายเรียกน้องเณรคำอ้างรับผิดแทนพี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อธิบดีดีเอสไอ เผย ออกหมายเรียก น้องชายเณรคำ มาพิสูจน์ ดีเอ็นเอ แล้ว หากไม่ใช่ก็จะดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่า จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า การเดินทางออกนอกประเทศของ นายวิรพล เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีผู้ติดตามทั้งสิ้น 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 6 คน ที่เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว และอีก 4 คน คือ นายวิรพล พระภูมินทร์ พระจำรัส และพระสุดใจ ยังพักพิงอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ดีเอสไอ ได้ประสานหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดัน นายวิรพล กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่ นายสุริ สุขผล น้องชาย นายวิรพล ออกมาแสดงตัวว่า เป็นบุคคลในภาพถ่ายที่มีหญิงสาวนอนข้างนั้น พ.อ.ชัชนันท์ เมธีธรรมาภรณ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ภาพเบื้องต้น พบตำหนิรูปพรรณบนใบหน้าไม่เหมือนกับ นายสุริ แต่กลับตรงกับ นายวิรพล 6 จุด อาทิ 1.รอยหยักที่ใบหู 2.คาง 3.จมูก 4.จุดไฝบนใบหน้า 5.หน้าผาก และ 6.ภาพรวมของใบหน้า ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ นายวิรพล มากกว่า นายสุริ ดังนั้น ดีเอสไอจึงได้ออกหมายเรียกให้ นายสุริ มาพบเพื่อสอบปากคำ และพิสูจน์บุคคลในภาพสัปดาห์หน้า ซึ่งหากไม่ใช่ นายสุริ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ พนักงานสอบสวน จะส่งภาพถ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์ภาพอีกทางหนึ่งด้วย

 

ขณะที่ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตามที่ นายสุริ สุขผล อายุ 31 ปี น้องชายอดีตพระเณรคำ ออกมาแถลงข่าวว่า ตนเองคือพ่อของ ด.ช. 11 ขวบ และเป็นผู้ที่มีสัมพันธ์กับหญิงสาว ไม่ใช่อดีตพระเณรคำ นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกอย่างจะได้ชัดเจนมากขึ้น และล่าสุด ทางดีเอสไอ ได้ออกหมายเรียกน้องชายอดีตพระดังมาให้ปากคำกรณีดังกล่าว ที่ดีเอสไอแล้ว โดยให้มาพบเร็วที่สุด ซึ่งแนวทางสอบสวน เมื่อมีคนออกมายอมรับผิดแทนเช่นนี้ ก็จะมีการตรวจสอบดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบความจริงต่อไป หากว่าดีเอ็นเอไม่ตรงกับคำกล่าวอ้าง น้องชายคนดังกล่าวจะต้องถูกแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานแน่นอน แต่หากว่า
ดีเอ็นเอตรงกับ ด.ช. 11 ขวบ ก็จะโดนข้อหา แทนที่ชายที่ถูกแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ มีหลักฐานแน่นหนาว่า คนที่มีสัมพันธ์กับหญิงสาว คือ อดีตพระเณรคำ ไม่ใช่น้องชายคนนี้แน่ๆ จึงไม่หนักใจอะไร ส่วนในวันนี้ พงส.ดีเอสไอ จะไปตรวจสอบรถฟอร์จูนเนอร์ ของเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ที่อดีตพระเณรคำบริจาคให้ และรถบัสของกาชาดจังหวัดอุบลราชธานี อีกครั้งหนึ่งด้วย


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook