ตร.ญี่ปุ่นจับอดีตบิ๊กนิชิมัตสึฯต้นตออุโมงค์ฉาวกับพวก3คนลอบนำเงิน70ล้านเยนเข้าปท.จ่ายสินบนทั่วเอเชีย

ตร.ญี่ปุ่นจับอดีตบิ๊กนิชิมัตสึฯต้นตออุโมงค์ฉาวกับพวก3คนลอบนำเงิน70ล้านเยนเข้าปท.จ่ายสินบนทั่วเอเชีย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เอเอฟพีรายงาน ตร.ญี่ปุ่นจับเพิ่มอดีตรองปธ.นิชิมัตสึฯ พร้อมพวกอีก 3 คน ลอบนำเงินสดกว่า 70 ล้านเยนเข้าปท.จ่ายสินบนทำสัญญาในเอเชียหลายประเทศ สุขุมพันธุ์เตรียมขอข้อมูลจากรบ.-บัวแก้วลุยสอบต่อ ประธานอนุกมธ.ปปช.ระบุ ยังไม่เห็นหลักฐานส่งถึงมือไทย หนุนขอข้อมูลจากญี่ปุ่น จัดการนิชิมัตซิเข้าคุกติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทย กทม.เตรียมจ่ายค่างวดรถดับเพลิง ความคืบหน้ากรณีหนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่นอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในรัฐบาลไทยว่า ทีมสอบสวนของสำนักงานอัยการกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นประสานขอความร่วมมือจากทางการไทยในการสอบสวนคดีทุจริตติดสินบนกรณีการประมูลโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-ลาดพร้าวของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งระบุว่า บริษัท นิชิมัตสึ คอนสตรั๊คชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในโครงการดังกล่าว ได้ทำการติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยเป็นเงินจำนวน 200 ล้านเยน และทางการไทยกำลังพิจารณาตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกรณีนี้ ตามที่ทางสำนักงานอัยการกรุงโตเกียวนำมามอบให้ว่า เข้าข่ายการติดสินบนภายใต้กฎหมายของไทยหรือไม่นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มกราคม เอเอฟพีรายงานว่าตำรวจได้จับกุมตัวนายเคอิจิ ฟูจิมากิ วัย 68 ปี อดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนิชิมัตสึ คอนสตรั๊คชั่น จำกัด พร้อมกับพวกอีก 3 คน ในข้อหาลักลอบนำเงินสดกว่า 70 ล้านเยน หรือราว 27,527,500 บาทเข้าประเทศ จากฮ่องกงและประเทศอื่นๆ โดยไม่แจ้งต่อทางการ เพื่อนำไปใช้จ่ายค่าสินบนในหลายประเทศแถบเอเชีย ทั้งนี้ พนักงานอัยการเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้ลักลอบนำธนบัตรญี่ปุ่นเข้าประเทศจำนวนมาก ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2549 - สิงหาคม 2550 โดยไม่รายงานต่อกระทรวงการคลังตามระเบียบปฏิบัติ

ด้านหนังสือพิมพ์โยมิอูริของญี่ปุ่นรายงานว่าเงินต่างๆเหล่านี้เป็นเงินผิดกฎหมายเพื่อใช้สำหรับการติดสินบนในการทำสัญญาทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ โดยนายฟูจิมากิ อดีตรองประธานบริษัทนิชิมัตสึฯถูกกล่าวหาว่าออกใบสั่งซื้อสินค้าปลอมให้กับบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อระดมเงินสินบน โดยบริษัทสามารถระดมเงินผิดกฎหมายได้มากถึงหนึ่งพันล้านเยน หรือราว 390ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในธนาคารต่างชาติ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเมื่อวันที่ 15 มกราคม ถึงการสอบสวนคดีทุจริตติดสินบนกรณีการประมูลโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-ลาดพร้าว ของกทม. หลังสำนักงานอัยการกรุงโตเกียวส่งข้อมูลใ ว่า กทม.ต้องสอบสวนในเรื่องดังกล่าวแน่นอน รวมทั้งขอความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูล

เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีองค์กรต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การดำเนินการเบื้องต้นต้องใช้การทูตเกี่ยวข้อง และ กทม.คงต้องประสานขอความร่วมมือจากรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ ด้วย ในส่วนที่ กทม.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนั้น ก็ต้องให้มีการดำเนินต่อไป เพราะหากไม่ดำเนินการต่อจะถือว่า บกพร่องในหน้าที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ขณะที่ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามหลักการขอความร่วมมือทางอาญา อัยการไทยสามารถดำเนินการให้ได้ แต่เท่าที่ตรวจสอบตอนนี้ยังไม่มีการประสานมายังแต่อย่างใด

ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการตรวจสอบกรณีเงินสินบนของบริษัทนิชิมัตสึคอนสตรัคชั่น และความไม่โปร่งใสในการดำเนินการโครงการของกรุงเทพมหานคร ในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ยังไม่เห็นเอกสารหลักฐานที่หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นรายงาน แต่ถือเป็นเรื่องดีจะได้ช่วยกันตรวจสอบ ทางคณะกรรมาธิการฯได้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไปแล้ว เพราะพบว่ามีการให้เงินสินบนของบริษัทนิชิมัตสึคอนตรัคชั่น ทราบว่าป.ป.ช.ได้ตั้งคณะทำงานเรื่องนี้แล้ว

นายชาญชัย กล่าวว่าอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และให้กระทรวงต่างประเทศประสานขอข้อมูลการตรวจสอบการทุจริตโครงการดังกล่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด และสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่น เพราะที่ผ่านมาเคยประสานขอข้อมูลไปก็อ้างว่าเป็นคดีระหว่างบุคคลและเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการสอบสวนจึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะเห็นว่าบริษัทนิชิมัติสึฯได้ปฎิเสธไม่ขอรับการคุ้มครองตามกฎหมายของญี่ปุ่น ดังนั้นหากกระทำความผิดโดยให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของไทยจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไทยด้วย โดยอัยการต้องขอข้อมูลการตรวจสอบการทุจริตจากญี่ปุ่นเพราะเข้าองค์ประกอบการทุจริตและเกิดความเสียหายระหว่างประเทศ

ส่วนความคืบหน้ากรณีนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมหารือกับผู้ว่าฯ กทม.เพื่อนำรถและเรือดับเพลิง ของ กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งยังมีปัญหาถูกร้องเรียนมีการทุจริตออกมาใช้ เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาต้องเสียค่าเช่าทดจำนวนกว่าหลายล้านบาทนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า หลังจากที่เข้าไปปฏิบัติงานใน กทม. และได้รับรายงานจากข้าราชการประจำแล้ว จะมีการหารือร่วมกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายถาวร และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมอีกครั้ง แต่เบื้องต้นไม่เห็นด้วยที่จะนำรถและเรือดับเพลิงของ กทม. ออกมาใช้ประโยชน์ในขณะนี้

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังเข้าพบนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ว่า หารือถึงปัญหาโครงการรถและเรือดับเพลิง ของ กทม.และเสนอว่าควรรอให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เข้ารับงานก่อน จากนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทย กทม. สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ หารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐมากที่สุด

นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่าคงต้องนำปัญหาเรื่องการจอดรถดับเพลิงในโครงการที่ต้องเสียค่าเช่าจำนวนหลายล้านบาท ที่นายถาวรอยากให้นำออกมาใช้มาหารือด้วย ขณะนี้ ให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานกฎหมายและคดี กทม.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงทั้งหมด เพื่อนำเสนอรายงานให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รับทราบในวันที่ 16 มกราคมนี้ หลังจากที่เข้ามาปฏิบัติงานเป็นทางการวันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันครบกำหนดที่ กทม.จะต้องจ่ายค่างวดรถและเรือดับเพลิง งวดที่ 5 ให้กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอย์ ประเทศออสเตรีย จำนวน 15,870,115.63 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 790 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สำนักป้องกันฯ เตรียมที่จะทำเรื่องเสนอผู้บริหารอนุมัติงบประมาณเพื่อชำระค่างวดรถดังกล่าวแล้ว เนื่องจากหนังสือแอลซีมีผลบังคับใช้ และสัญญาการจัดซื้อยังไม่ได้ยกเลิก กทม. จึงต้องดำเนินการไปตามข้อตกลงก่อนหน้านี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook