พท.ปูดภูมิใจไทยจ่าย 3ล.ดูดส.ส.ออกอุบายแนะทางย้ายพรรค สุรพงษ์ไล่ส่งส.ส. ศึก พผ.โหวตออกหน.ยังไม่ยุติ

พท.ปูดภูมิใจไทยจ่าย 3ล.ดูดส.ส.ออกอุบายแนะทางย้ายพรรค สุรพงษ์ไล่ส่งส.ส. ศึก พผ.โหวตออกหน.ยังไม่ยุติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พท.ปูดภูมิใจไทย จ่าย3ล.ดูดส.ส. ออกอุบายให้ส.ส.ย้ายพรรคอ้างใบสมัครไม่สมบูรณ์ กกต.ชี้โยกต้องมีกติกาสุรพงษ์ ไล่ส่ง20 ส.ส.ซบเพื่อไทย-ซัดพวกอีแอบ ส.ส.ภาคกลางยันไม่ย้ายพรรค พผ.ตั้งกก.สอบโหวตหน.โมฆะ กลุ่ม12 ยันไม่มีมติ กกต.เตรียมตั้งกก.สอบปัญหาพผ.เพื่อหาข้อสรุป พท.ปูดภูมิใจไทย จ่าย3ล.ดูดส.ส.

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 15 มกราคมแจ้งว่า มีความพยายามของแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่ทาบทามให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจทันทีหากมีโอกาสตามที่ช่องว่างทางกฎหมายเปิดให้ โดยมีข้อเสนอเรื่องตัวเงินแลกเปลี่ยน หาก ส.ส.เพื่อไทยคนใดย้ายสังกัดจะได้รับเงินสดทันที 3 ล้านบาท พร้อมเงินสนับสนุนอีกเดือนละ 2 แสนบาท ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่งสนใจที่จะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากปัจจุบันพรรคเพื่อไทย โดยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สนับสนุนเงินรายเดือนแก่ ส.ส.เพียงคนละ 1 แสนบาท เท่านั้น

ช่วงที่จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายโน้นเขาให้ ส.ส.คนละ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของพรรคประชาธิปัตย์ 7 ล้านบาท อีก 3 ล้านบาท เป็นของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตอนนี้นายเนวินมีเงินที่เหลือจากการระดุมทุนจากกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่อยู่อีกประมาณ 200 ล้านบาท เขาเลยนำเงินที่เหลือมาใช้ในการดูด ส.ส.ครั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าว

สุรพงษ์ ไล่ส่ง20 ส.ส. -ซัดพวกอีแอบ

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่างถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ส.ส.ภาคกลาง และภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยกว่า 20 คน ทำหนังสือไปยังคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสอบถามถึงการเปลี่ยนพรรคต้นสังกัดใหม่ เพราะต้องการย้ายไปพรรคภูมิใจไทยว่า หากเป็นเรื่องจริง ส.ส.กลุ่มนั้นควรย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไปเลย อยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ขนาดข้อกฎหมายแค่นี้ยังไม่รู้อีกว่าเขาห้ามย้ายพรรคยกเว้นพรรคถูกยุบหรือมีการยุบสภา สมาชิกพรรคเพื่อไทยจะไม่เสียดาย ส.ส.ที่ไม่มีคุณภาพอย่างนี้ หากใครอยู่แล้วไม่สบายใจก็ควรที่จะลาออกไปดีกว่า

ถ้าเป็นผม ลาออกไปแล้ว ไม่มาหน้าด้านอยู่หรอก ส่วนแกนนำพรรคต้องเรียก ส.ส.กลุ่มนี้ไปพูดคุยทำความเข้าใจหรือไม่นั้น ถ้าเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงก็ต้องมาพูดคุยกัน แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าหรอก เพราะเป็นพวกอีแอบกันทั้งนั้น ทุกวันนี้พรรคจริงใจกับทุกคนแต่ ส.ส.ไม่มีความจริงใจให้กับพรรคเลย ฉะนั้นอยู่ร่วมกันไม่ได้ นายสุรพงษ์กล่าว

ส.ส.ภาคกลางยันไม่ย้ายพรรค

ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานภาคกลาง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยืนยันว่าจำนวน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยยังนิ่งอยู่ที่ 187 คนไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ ส.ส.ภาคกลางทั้งหมด เชื่อว่าจะไม่ไปไหนแม้จะมีคนมาเสนอเงื่อนไขที่ดีให้มากมาย ส.ส.ทราบดีกว่าประชาชนยังให้ความศรัทธาในนโยบายของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยอยู่ รวมถึงชื่อชั้นของ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังขายได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ส.ส.ภาคกลางคงไม่ไปด้วยแน่ ที่ผ่านมาบอกกันว่า ส.ส.ภาคกลางจะตามนายสรอรรถ กลิ่นปทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยไป แต่เห็นชัดเจนว่ามี ส.ส.ที่ตามไปเพียง 2 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยต้องปรับโครงสร้างไม่ให้มีการตั้งกลุ่มก๊วนขึ้นในพรรค แต่ให้มีระบบการบริหารกันเองในจังหวัด เพื่อป้องกันไม่ให้ยกมุ้งกันไปอยู่พรรคอื่นตามหัวหน้ากลุ่ม นายสุชาติกล่าว

ยันใบสมัครส.ส.มีลายนิ้วมือยัน

นายกมล บันไดเพชร นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยออกอุบายให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ต้องการย้ายพรรคแจ้งไปยัง กกต.ว่าใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่ได้ส่งใบสมัครด้วยตนเองและถูกปลอมลายเซ็นว่า ใบสมัครมีการลงรายมือชื่อผู้สมัคร รวมถึงการประทับลายนิ้วมือในใบสมัครด้วย ถือเป็นการแสดงเจตนาว่าต้องการที่จะสมัครสมาชิกพรรค และเป็นผู้มายื่นหนังสือด้วยตนเอง เอกสารเหล่านี้ตนส่งไปยัง กกต.หมดแล้ว หากมีการแจ้งไปยัง กกต.จริงก็คงจะฟ้องร้องกันเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกัน

ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีดังกล่าวโดยระบุเพียงว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ ส.ส.ทุกคนถือเป็นคนมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีพอที่จะทำอะไร และมีเอกสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามที่กฎหมายเปิดช่องให้ทำได้

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดตัวพรรคภูมิใจไทยและการเคลื่อนไหวของหลายๆ คนในช่วงนี้ทำให้ได้เห็นผู้ที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังอย่างไรทั้งหมด และทำให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่า หน้าตารัฐบาลอภิสิทธิ์นั้นมีผมขาว ตาเขียว ปากห้อย และคางเหลือง ซึ่งคนที่มีอาการเช่นนี้มักจะอยู่ต่อไปได้อีกไม่กี่วัน

ขณะที่นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ตนไปแสดงความยินดีกับพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นการแสดงมารยาททางเมืองเท่านั้น อย่าไปมองว่าจะย้ายพรรคไปไหน เพราะถ้าจะย้ายจริงก็ย้ายตั้งแต่พรรคพลังประชาชนถูกยุบแล้ว และตามข้อกฎหมายก็ไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะต้องปรับรูปแบบโดยเปิดโอกาสให้ ส.ส.ในพรรคมีส่วนร่วมทางการเมืองบ้าง เพราะที่ผ่านมา เป็นการสั่งการจากส่วนบนลงมาทำให้ขาดการมีส่วนร่วม

กกต.ชี้ส.ส.พท.เข้าพรรคสมบูรณ์

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่งอ้างว่า การเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่สมบูรณ์ และต้องการจะย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะการไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกต่อพรรคการเมืองจะสมบูรณ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อบังคับแต่ละพรรคที่กำหนดไว้ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้นข้อบังคับพรรคบอกให้นายทะเบียนสมาชิกพรรคเป็นผู้อนุมัติการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้นก็บอกว่า ความเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลงเมื่อลาออก และจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อยื่นใบลาออกต่อนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองนั้น

การย้ายพรรคของ ส.ส.ต้องทำตามกติกา และกติกาตอนนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองถูกยุบและให้หาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน เมื่อการย้ายพรรคสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว หากย้ายอีกครั้งนั้น กฎหมายไม่ได้รองรับไว้ นายสุทธิพลกล่าว และว่า ต้องตรวจสอบทางนายทะเบียนสมาชิกพรรคเพื่อไทยอนุมัติการเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือไม่ เมื่อทางพรรคตอบรับแล้ว ก็ต้องรายงานจำนวนการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสมาชิกพรรคต่อ กกต.ตามที่กำหนดไว้ในทุกๆ 3 เดือนของปีด้วย

พผ.ตั้งกก.สอบโหวตหน.โมฆะ

ส่วนปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) นพ.อลงกต มณีกาศ ส.ส.นครพนม กลุ่มวังพญานาค พรรค พผ. กล่าวถึงกรณี กกต. จะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี พผ. ไม่ยอมยื่นรายงานผลการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นว่าที่หัวหน้าพรรค พผ. ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ว่า นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรค พผ. ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยมีรักษาการ กก.บห. 3 คนเป็นกรรมการ เชื่อว่าสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงกับ กกต.ได้ ยืนยันว่าสาเหตุที่พรรคไม่อาจส่งรายงาน ให้ กกต. ได้ เนื่องจากเอกสารต่างๆ สูญหายไปจากการถูกบุกรุกที่ทำการพรรค พผ. ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2551 เป็นข้อเท็จจริง มีหลักฐานใบแจ้งความครบ

นพ.อลงกตกล่าวว่า นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรค พผ. ยังพบว่า การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีเพื่อเลือก กก.บห. ชุดใหม่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 น่าจะเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่ได้ลงคะแนนโดยลับ อีกทั้งยังมีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิก พผ. ปลอมแปลงเข้ามาเป็นโหวตเตอร์จำนวนมาก เมื่อถามว่า การไม่ยอมรายงานเรื่อง กก.บห. ชุดใหม่ต่อ กกต. และยอมจ่ายค่าปรับ 50,000 บาท ถือว่าคุ้มหรือไม่ นพ.อลงกตกล่าวว่า พรรคยังไม่เคยถูก กกต. ปรับเลย เพราะทำหนังสือแจ้งเหตุผลไปแล้ว

กลุ่ม12ยันมติพผ.ไม่โมฆะ

รายงานข่าวจากกลุ่ม 12 แจ้งว่า พล.ต.อ.ประชาได้ทำหนังสือถึง กกต. ลงวันที่ 12 มกราคม โดยยืนยันว่ากระบวนการเลือก กก.บห. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ไม่ได้เป็นโมฆะตามที่มีการกล่าวหา ทั้ง 2 ประเด็นคือ 1.การลงมติ ทางเจ้าหน้าที่พรรคได้นำกล่องใส่บัตรลงคะแนนมายื่นให้สมาชิกพรรคหย่อนบัตร แทนที่จะเดินไปลงคะแนนเอง ซึ่งนายทะเบียนพรรคตีความว่าเป็นการลงมติลับ

2.การใช้โหวตเตอร์ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก พผ. เรื่องนี้นายชาญชัย เป็นผู้ลงนามรับรองโหวตเตอร์ที่มาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จ.ปัตตานี และ จ.สมุทรปราการ รวม 370 คนด้วยตนเอง ทำให้มีโหวตเตอร์เยอะกว่าปกติ

กกต.เตรียมตั้งกก.สอบพผ.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต. สั่งการให้นำปัญหาของพรรค พผ.เสนอเข้าสู่วาระที่ประชุม วันที่ 20 มกราคม เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าจะมีผลสรุปออกมาเช่นไร

นายกฤช เอื้อวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองฯ กล่าวว่า จะเสนอนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อที่ประชุม กกต.ในสัปดาห์หน้าเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและจะตอบรับการเปลี่ยนแปลง กก.บห.พรรค พผ. อย่างไร เพราะเรื่องดังกล่าวเลยกรอบเวลาที่จะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ซึ่งต้องมีโทษปรับ จึงต้องสอบหาข้อเท็จจริง

หากพรรคเพื่อแผ่นดินมีการเจรจายอมความกันภายในพรรคเพื่อยุติปัญหาการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคนั้นก็ต้องประชุมพรรคให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน หากการเจรจาไม่ถูกต้องตามกฎหมายผลการประชุมก็ไม่ถูกต้อง นายกฤชกล่าว

กกต.ชี้ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอดซักฟอก

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านยังไม่สามารถเลือกผู้นำฝ่ายค้านได้ ว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 110 ระบุว่าเมื่อ ครม.เข้าบริหารราชการแผ่นดินจะต้องมีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน แม้จะไม่ได้กำหนดเวลาไว้ก็ตาม ดังนั้นการไม่มีผู้นำฝ่ายค้านคงไม่ได้ เพราะตำแหน่งดังกล่าวกำหนดไว้ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ และเป็นตำแหน่งที่ต้องโปรดเกล้าฯ ทั้งนี้ หากไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอาจมีปัญหาการทำงานในสภา โดยเฉพาะไม่สามารถที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีได้

นางสดศรีกล่าวว่า ส่วนกรณีที่อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปร่วมในงานเปิดตัวพรรคภูมิใจไทย ว่า เท่าที่ทราบผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งที่ไปร่วมงานในฐานะแขกรับเชิญเท่านั้น ไม่ได้ประกาศว่าเป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด จึงไม่น่าจะผิดกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook