เสธ.หนั่น ไม่ติดใจชาติไทยพัฒนาได้งบน้อย

เสธ.หนั่น ไม่ติดใจชาติไทยพัฒนาได้งบน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(14ม.ค.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ครม.อนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประ มาณ 52 วงเงินประมาณ 115,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ปรากฏว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้งบประมาณน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ว่างบประมาณก้อนนี้เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะไปถึงประชาชนเป็นงบพิเศษกลางปี ดังนั้นกระทรวงต่างๆก็ขอกันมาก อยากได้กันทั้งนั้นเพราะงบประจำปีมีอยู่แล้ว แต่งบฯนี้จะต้องหนักไปที่ถึงมือประชาชน ดังนั้นกระทรวงใดที่เกี่ยวพันกับการช่วยเหลือประชาชนก็ได้มาก

พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ติดใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นงบพิเศษ ที่ต้องดำเนินโนบายาสำคัญของรัฐบาล เช่น กระทรวงศึกษาธิการ งบสำหรับเรียนฟรีก็ได้รับการจัดสรรมากเป็นพิเศษ หรือเช่นกระทรวงแรงงานก็ต้องไปดูแรงงานทั้งหลายที่ว่างงานที่เงินเดือนต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาท ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลเองไม่ได้มีการติดใจในประเด็นเหล่านี้ พล.ต.สนั่น กล่าว

// //

สำหรับกรณีที่ผู้ประกอบการมีความเป็นห่วงเรื่องของงบกระตุ้นการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะมีงบประมาณส่วนอื่นที่จะให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วที่ทางกระทรวงมีการขอไว้แล้ว อีกทั้งในส่วนของการท่องเที่ยวสามารถของงบประมาณเพิ่มได้อีก ทั้งนี้ยอมรับว่ากระทรวงท่องเที่ยวถูกตัดงบลงพอสมควร และคงต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากงบท่องเที่ยวไม่พอก็ขอเพิ่มได้อยู่แล้ว เชื่อว่างบฯกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแสนกว่าล้านบาทครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจจะดีขึ้นแน่นอน

เมื่อถามว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นนี้จะสวนกับแนวทางการใช้ชีวิตพอเพียง พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ขณะนี้คนจนเขาไม่พอเพียง เขาไม่มีจะกิน เพราะสินค้าก็ยังไม่ลงขณะที่น้ำมันลงแล้ว

คิดว่าถึงอย่างไรในยามปัจจุบันเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นจะต้องทำ จะเป็นประชานิยมหรือไม่ประชานิยม หากเงินไม่สะพัดตายเลย โจรผู้ร้ายเยอะแยะ ยืนยันไม่ได้เป็นการหาเสียงล่วงหน้า แต่เป็นการช่วยประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆ รองนายกรับมนตรี กล่าว

คำมั่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องคุ้มครองสื่อให้ปลอดจากอำนาจรัฐ-อำนาจทุน

สำหรับข่าวโทรทัศน์วันนี้ที่มีการคุยข่าวไปเรื่อยๆ เป็นอันตราย แม้ข้อดีคนจะได้มีความเพลิดเพลิน แต่อันตรายของการคุยข่าวคือการชี้นำ เพราะไม่เหมือนกับการอ่านข่าวหรือประกาศข่าวอย่างที่เราเห็นในอดีต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook