ตร.สั่งฟ้องเจ๊เพ็ญฐานหมิ่นเบื้องสูง

ตร.สั่งฟ้องเจ๊เพ็ญฐานหมิ่นเบื้องสูง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จงรักขอ 1 เดือนปิดสำนวนคดีบุกยึดทำเนียบ

จงรักขอเวลา 1 เดือน สำนวนฟ้องพันธมิตรฯเสร็จ ขออนุมัติหมายจับได้ เผยสอบพยานไปแล้วกว่า 300 ปาก สำนวนเสร็จไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ระบุ 9 แกนนำก็เจอข้อหาหนักไปแล้ว ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้คำยืนยันไว้แล้ว ว่าไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู ด้าน เทพเทือก ไม่สนเสียงคนเสื้อแดงจี้ให้ปลด กษิต เพราะมองว่าเป็นเพียงนักการ ทูตเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย วอนให้ชุมนุมโดยสงบเพื่อรักษา หน้าตาประเทศชาติ ขณะที่ กองปราบฯ สั่งฟ้องคดี จักรภพ หมิ่นเบื้องสูงให้อัยการคดีอาญา พร้อมสำนวน 980 หน้า เจ้าตัวโว จะต่อสู้เต็มที่ เพราะเห็นว่าบิดเบือนคำแปล ร้องให้ตั้งคนกลางมาแปล ด้านอธิบดีอัยการ เผยตั้งคณะทำงานตรวจสำนวนด้วยความรอบคอบ ระบุกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ความเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดง ที่รวมตัวกันประกาศจุดยืน ขับไล่ นายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งทันที เพื่อไม่ให้เข้าร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิท โดยพร้อมจะเข้าขัดขวางการประชุมหากนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมทำตาม พร้อมกับจี้ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยแสดงการซ้อมปาไข่ให้ดูด้วยนั้น เทพเทือก ไม่สนเสื้อแดงขู่

ความคืบหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 13 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศชุมนุมประท้วงในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) และเรียกร้องให้ปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งว่า การชุมนุมแสดง ความคิดเห็นทางการเมือง เป็นสิทธิของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยสงบและปราศจากอาวุธ เมื่อถามว่าการชุมนุมในลักษณะนี้จะเป็นผลเสียกับประเทศหรือไม่ เพราะการประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งนี้ ต้องการเรียกความเชื่อมั่นให้กับประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า หากประชาชนเหล่านั้นคิดถึงชื่อเสียงและหน้าตาของประเทศ ก็อยากจะขอความกรุณาว่า อย่าไปชุมนุมเลย หากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ขอให้ใช้โอกาสอื่นในการชุมนุม ซึ่งทำได้ทุกเวลาอยู่แล้ว และเชื่อว่าทางกลุ่มเสื้อแดงคงจะไม่ไปปิดสนามบิน เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดง ก็ตำหนิการยึดสนามบิน ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ตนเชื่อว่าเขาคงไม่ทำอย่างนั้น ส่วนการเจรจากับคนเหล่านี้นั้น ตนพร้อมที่จะเจรจาและรับฟัง ส่วนจะได้เจรจาเมื่อไหร่นั้นก็ต้องอยู่ที่กลุ่มคนเสื้อแดง ตนส่งสัญญาณไปทุกวัน ยัน กษิต ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย

ต่อข้อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งเงื่อนไขให้ปลด นายกษิต ก่อนการประชุมอาเซียนซัม มิท นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่รับเงื่อนไขนี้ และเท่าที่ดูเหตุผลในการเรียกร้องให้ปลดนาย กษิต นั้นไม่เพียงพอ ตนเห็นในข่าวเขากล่าวหาว่า นายกษิต เป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งในการพิจารณา ของพวกตนไม่ใช่ เพราะนายกษิตเป็นนักการทูตธรรมดา และเป็นคนที่สามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ในฐานะ รมว.การต่างประเทศ เมื่อถามว่า จะมีการนำวีซีดี ที่ นายกษิต ปราศรัยโจมตี สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กรณี เขาพระวิหาร มาแฉในระหว่างที่มีการประชุมอาเซียน จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ส่งผลกระทบ เพราะในตอนนั้น นายกษิต เป็นคนธรรมดา แต่ถ้าวันนี้เป็นรัฐมนตรีแล้วพูดอย่างนั้น ตนจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีปลดออกทันที วอนทุกคนจับมือเป็นเจ้าภาพ

เมื่อถามย้ำว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตจะไม่นำมาคิดในปัจจุบันใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ใช่ เพราะเป็นการทำคนละบทบาท คนละหน้าที่ ตอนที่เป็นประชาชน เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ก็ทำหน้าที่คนละอย่าง แต่ถ้ามาบกพร่องตอนที่เป็นรัฐมนตรี เราก็ต้องดำเนินการ ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะบุกไปยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศ ที่จะเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิท นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงจะส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของ ประเทศบ้าง ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัย จะต้องดูแลอย่างเต็มที่ตามปกติ ซึ่ง จะพยายามดูแลไม่ให้เกิดเหตุอะไร และคิดว่าประชาชนทุกคนรักประเทศไทย จึงอยากจะขอวิงวอนประชาชนทุกคน ว่าเราทุกคนควรจะมาจับมือกัน เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียน เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ต่อข้อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศเตรียมความพร้อมในการชุมนุม และได้มีการซักซ้อมปาไข่ด้วย รัฐบาลจะรับมืออย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือว่าไม่ได้เป็นการซักซ้อมปาไข่ แต่เป็นการประชุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และมีกิจกรรมที่ทำให้มีสีสันนิดหน่อยอย่าไปคิดมาก และไม่กังวลอะไร สาทิตย์ เปล่าสั่งปิดวิทยุชุมชน

ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปิดสถานีวิทยุชุมชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า ตนทราบดีว่าอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลวิทยุชุมชนมีมากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยสั่งปิดวิทยุชุมชนเลย แต่เรื่องวิทยุชุมชนเป็นปัญหามาก เพราะขณะนี้เป็นสภาพ อนาธิปไตย โดยกฎหมายประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ เป็นอำนาจหน้าที่ที่ กทช.จะต้องดูร่วมกับอนุกรรมการฯ แต่เท่าที่ทราบขณะนี้อนุกรรมการฯ ก็มีปัญหามาก ซึ่งตนได้ประสานงานเพื่อขอพบกับทาง กทช. แล้วก็คิดว่าจะไปดูว่า กทช.มีหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไร แต่เบื้องต้นให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปดูข้อกฎหมาย และสรุปว่าหน่วยงานใดที่มีอำนาจตามกฎหมายสามารถดำเนินการกับสถานีวิทยุชุมชนที่มีความผิดเกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญา กฎหมาย พ.ร.บ.วิทยุคมนาคมและมีปัญหากระทบกับสังคมได้บ้าง

รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้วิทยุชุมชนที่มีอยู่กว่า 4-5 พันแห่งนั้น มีปัญหาอยู่เพียงไม่กี่ที่ ซึ่งในส่วนของสถานีที่มีปัญหาก็ได้มีการเตือนไปแล้ว เช่นได้ทำจดหมายเตือนวิทยุชุมชนใน กทม.ที่มีปัญหาถึง 3 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งต้องดูว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างไร เพราะถ้าปล่อยไปจะกระทบต่อสังคมโดยรวมด้วย และกระทบต่อคนที่ทำดีอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่ากฎหมายที่มีอยู่สามารถปิดวิทยุชุมชนที่มีปัญหาได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคมผู้ที่ขอเปิดวิทยุชุมชนต้องขออนุญาตจาก กทช.ดังนั้นถ้าทำผิด พ.ร.บ.ดังกล่าวก็สามารถดำเนินการตรวจยึดเครื่องได้เลย จงรัก จ่อหมายจับพันธมิตรฯ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสอบสวน คดีที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.จงรัก กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มีการประชุมเร่งรัดคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ละเว้น หรือวางเฉย ได้มีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล และการบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ซึ่งคดีบุกยึดสนามบินทั้งสองแห่งนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพยานบุคคลไปแล้วกว่า 300 ปาก การสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และทำการสอบสวนต่อไปอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะออกหมายจับนั้นดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถระบุได้ ระบุนายกฯ ยันไม่เป็นมวยล้ม

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วน 5 แกนนำจะถูกออกหมายจับหรือไม่นั้น ก็ต้องดูไปตาม พยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานพาดพิงไปยังแกนนำผู้ใด ก็ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้สอบพยานบุคคลและพยานต่าง ๆ อยู่ทั้ง 300 ปาก ต้องมาแยกแยะว่ามีใครยืนยันใครบ้างในรายละเอียด ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมามีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจน ว่าแกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไป รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพถ่ายซีดีต่าง ๆ ซึ่งหากสื่อมวลชนได้นำไปออกตามช่องต่าง ๆ ก็ให้นำมาประกอบด้วย และ ลำดับเหตุการณ์มีภาพประกอบทั้งหมด

ต่อข้อถามที่ว่าแกนนำพันธมิตรฯ หลาย คน ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีและเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล จะเป็นอุปสรรคในการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรคของพนักงานสอบสวน และไม่มีผลต่อการทำงาน ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอน ตามหน้าที่ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามากดดัน นายกรัฐมนตรีเองก็บอกว่า ให้ดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เป็นลักษณะมวยล้มต้มคนดู ทำผิด ก.ม.ก็ต้องถูกดำเนินคดี

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า คดีบุกยึดสนามบินมีทั้งส่วนของตำรวจนครบาลและตำรวจภูธร มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางคดีและมอบหมายให้สอบสวนพยานอีกหลายปาก และมีผู้เสียหายเพิ่มเข้ามาคือ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน และการบินไทยเรียกค่าเสียหาย 18,000 ล้านบาท ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องนำคำฟ้องมาพิจารณาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย เพื่อให้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิด รวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เลือกปฏิบัติ เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากการชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมีการละเมิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้นไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง 9 แกนนำเจอข้อหาหนักแล้ว

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีในส่วนของการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินคดีกับ 9 แกนนำไปแล้ว ในความผิดฐานกระทำปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนความผิดฐานร่วมกันสะสมอาวุธ ตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏนั้นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับในข้อหานี้ สั่งฟ้อง จักรภพ หมิ่นเบื้องสูง

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำสำนวนการสอบสวน 2 แฟ้ม รวม 980 หน้า แผ่นบันทึกภาพและเสียง ดีวีดี 4 แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ส่งมอบให้กับ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา พิจารณา สั่งคดี ทั้งนี้ นายจักรภพ เดินทางมารายงานตัวต่ออธิบดีอัยการ ฝ่ายคดีอาญา พร้อมกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 150 คน เดินทางมาให้กำลังใจ เจ้าตัวยันไม่ผิดสู้เป็นคดีศึกษา

นายจักรภพ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้แจ้งให้ตนมาแสดงตัวต่อพนักงานอัยการ หลังมีความเห็นสั่งสมควรฟ้อง ในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ โดยอัยการนัดฟังการสั่งคดี ในวันที่ 5 มี.ค. เวลา 10.30 น. ซึ่งคดีนี้ได้ทราบจากรายงานสรุปผลการสอบ โดยพนักงานสอบสวนระบุว่า ถึงแม้ไม่พบว่าผู้ต้องหามีความผิดตามตัวอักษร แต่มีเจตนา ไม่ดี จึงมีความผิดเห็นควรส่งฟ้อง แสดงให้เห็นถึงความล่อแหลมของกระบวนการยุติธรรม ที่ขาดประชาธิปไตย ตนขอยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด จึงจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นกรณีศึกษา ซึ่งสำนวนการสอบสวนของตำรวจยังไม่สมบูรณ์ ตนจึงจะปรึกษากับทนายความเพื่อจะยื่นหนังสือ ขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการแปลภาษา ที่ตนได้ไปบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ เอฟซีซีที แล้วมาแปลเป็นภาษาไทยอย่างไม่ถูกต้อง ห่างจากความเป็นจริง มีการเลือกผู้แปลภาษาที่ไม่เป็นกลาง ไม่ได้รับฟังคำแปลจากทั้งสองฝ่าย จึงต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อไป เพราะภาษาอังกฤษจะแปลให้ถูกก็ได้ผิดก็ได้ ระบุกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

ด้านนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า ตนจะตั้งคณะทำงานอัยการ ประมาณ 5-7 คน เหมือนคดีหมิ่นเบื้องสูงคดีอื่นทุกคดี เพื่อให้คณะทำงานร่วมกันพิจารณาสำนวนโดยมีอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นหัวหน้า เพื่อความละเอียดรอบคอบ เพราะคดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและได้รับความสนใจจากประชาชนมาก โดยได้กำชับให้คณะทำงานพิจารณาคดีด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาสำนวนประมาณ 1 เดือน ส่วนกรณีที่ นายจักรภพจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้อัยการ หาผู้ที่มีความเป็นกลางมาตรวจสอบคำแปลภาษาของพนักงานสอบสวน นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ในคณะทำงานอัยการจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และจะพิจารณาดูถ้อยคำในสำนวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าผู้ต้องหาอ้างเหตุผลพนักงาน สอบสวนว่า ตามตัวอักษรไม่ผิด แต่ที่ผิดเพราะมีเจตนาไม่ดีนั้น นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ตามภาษากฎหมายเรียกว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การทำผิดตามกฎหมายอาญานั้น ถ้ามีเจตนาถือเป็นความผิดเสมอ ยกเว้นคดีกระทำประมาท อย่างไรก็ตาม จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงอย่างเต็มที่ และหากส่งคำแปลภาษามาให้อัยการก็ยินดีนำมาพิจารณา พันธมิตรฯ เตรียมชุมนุมกรุงเก่า

ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นางกัลยาณี จูปรางค์ แกนนำพันธมิตรฯ พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าในวันที่ 15 ม.ค.นี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะจัดกิจกรรมสังสรรค์ปีใหม่ ที่โรงเรียนสุนทร วิทยา ในเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยจะมีแกนนำ อาทิ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นางอัญชลี ไพรีรักษ์ และนักร้อง ดารา ที่เป็นเครือข่ายมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ส่วน นางมยุรี เศวตาศัย แกนนำเสื้อแดงรักประชาธิปไตย ประตูน้ำพระอินทร์ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อ แดง พระนครศรีอยุธยา จะคัดค้านการมาชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน แต่จะคัดค้านแบบไหนไม่สามารถบอกได้ ด้านนายธีระวุฒิ ศิริวรรณ ปลัดจังหวัด กล่าวว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความั่นคงในจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเผชิญหน้า ตามคำสั่งของ นายปรีชา กมลบุตร ผวจ.โดยจะใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ารับมือ ไม่รับคดี อำนวย ฟ้องป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศาลอาญา ถนนรัชดาฯว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง คดี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.มอบอำนาจ ให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) พร้อมกับ 8 ป.ป.ช.ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีที่ ป.ป.ช.แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีสั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมพื้นที่หน้าบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ไม่ชอบ ไม่ยุติการไต่สวน ทั้งที่ศาลอาญาได้รับฟ้อง คดีที่นายสิทธิพร โพธิโสดา ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) พล.ต.อ. พัชรวาท ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ ผบช.น. และ พล.ต.ต. อำนวย เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อศาลอาญาคดีหมายเลขดำที่ อ.4142/2551 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้วซึ่งประเด็นเดียวกับข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช. ไต่สวน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 86 บัญญัติ ห้ามไม่ให้ ป.ป.ช. รับคำกล่าวหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่ศาล รับฟ้องในประเด็นเดียวกัน

โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น. แต่เมื่อศาลตรวจพิจารณาคำฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องคดีไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย จึงมีคำสั่ง ไม่รับฟ้องและงดการไต่สวนมูลฟ้องดังกล่าว ขณะที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป เทพเทือก มั่นใจม็อบไม่รุนแรง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดง จำเป็นที่จะต้องให้ทหารมาช่วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรง รัฐบาลก็จะพยายามแก้ไขไปตามสถานการณ์ตามเหตุการณ์ แต่อาจจะต้องพึ่งพากำลังมากขึ้น เพราะการที่ตำรวจออกมาน้อยและไม่มีอาวุธ ก็ไม่สามารถต้านมวลชนที่มีอาวุธได้ แต่ยืนยันว่าจะดูตามสถานการณ์ไม่ใช้ความรุนแรง

รัฐบาลจะไม่ใช้กำลังทหารเลย เพราะทหารมีหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ช่วยดูแลปัญหาชายแดนภาคใต้ เขมร และพม่า ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับทหารเกี่ยวกับความมั่นคง ปัญหาภายในประเทศเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องช่วยกันทำหน้าที่และแบ่งหน้าที่กัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นจุดไหนที่จะต้องให้ทหารออกมาช่วย หากให้ออกมาช่วยทหารก็ต้องออกมามือเปล่า รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ต่อข้อถามว่าจะมีมาตรการในการเจรจากับมวลชนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาตลอด บางคนก็เจรจาได้ บางคนเจรจาไม่ได้ แต่หลังจากนั้นการเคลื่อนไหวก็เบาลงพอสมควร เพราะบางคนก็ยอมรับและเข้าใจ ต้องคิดว่ากลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนไทยเหมือนกัน เมื่อรัฐบาลได้พยายามอธิบายก็เข้าใจมากขึ้น และได้รับความเข้าใจระดับหนึ่ง ส่วนอะไรที่ต้องสู้ก็สู้กันไป อะไรที่สมควรร่วมมือก็ร่วมมือกันต่อไป เพื่อให้ชาติดีขึ้น แต่บางท่านก็ยังไม่ยอมไม่เป็นไรเราก็สู้ต่อไป อย่าไปท้อถอย ความนิยมพ.ต.ท.ทักษิณลดลง

เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งซ่อม สื่อต่างประเทศมองว่าอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มเสื่อมถอยลง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดจา ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในเชิงลบเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าใจผิด เดี๋ยวจะหาว่าตนไปซ้ำเติม ตนไม่คิด ว่าคะแนนความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณจะลดลงเพราะไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา วันนี้สิ่งที่เราต้อง คิดคือ ได้กำลังใจว่าพี่น้องประชาชนเทใจให้นายอภิสิทธิ์ ต้องการเห็นรัฐบาลแก้ปัญหา ถือเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งในการทำงานต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการประเมินการเคลื่อน ไหวของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ประเมินไม่ถูก เพราะฝ่ายเสื้อแดงคิดไปทำไป การให้ประเมินล่วงหน้าเป็นเรื่องยาก และยังไม่ได้ใช้หน่วยการข่าวของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ เพราะหน่วยข่าวของรัฐบาลมีไว้ประเมินในเรื่องอื่น การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงไม่ต้องใช้หน่วยการข่าว เพราะเห็น ๆ กันอยู่ทุกวัน ใครเป็นหัวหน้าก็ออกมานั่งแถลงข่าว เรียงเป็นตับเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน ไม่ต้องใช้ข่าวกรองในการค้นหา ยืนยันว่าไม่ได้กำชับ ส.ส.ในพื้นที่จับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเป็นต้นมา ยังไม่ได้ประชุม ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเลย และไม่คิดว่าจำเป็นต้องทำอย่างนั้น รัฐบาลไม่เคยสร้างเงื่อนไข

เมื่อถามว่ากลุ่มเพื่อนเนวิน จะเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นาย สุเทพ กล่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวินก็ไม่ได้มีบทบาทเช่นเดียวกัน เพราะวุ่นอยู่กับการช่วยงานรัฐบาล และคิดถึงอนาคตทางการเมืองไม่มีใครได้ไปดำเนินการเกี่ยวกับเสื้อแดง ซึ่งทุกฝ่ายก็ติดตามและแก้ไขไปตามสถานการณ์จริง ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลไม่ได้ส่งหน่วยข่าวลงไปหาข้อเท็จจริง เป็นเพราะประเมินการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงต่ำไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการประเมินต่ำ อย่าไปพูดอย่างนั้นเดี๋ยวเขาโกรธ ตนไม่ได้ประเมินว่าใครสูง ใครต่ำ แต่ให้ความเคารพว่ากลุ่มเสื้อแดงสามารถที่จะแสดงออก เคลื่อนไหวทางการเมืองได้เป็นเรื่องธรรมดาและรัฐบาลจะปฏิบัติกับกลุ่มเสื้อแดงเหมือนกับทุกคนที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ รัฐบาลไม่เคยสร้างเงื่อนไขให้มวลชนเสื้อแดงต้องออกมาเคลื่อนไหวหรือทำให้เกิดความขัดแย้ง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook