สุดแค้นมาร์คตั้งพธม.เสื้อแดงไม่สมานฉันท์

สุดแค้นมาร์คตั้งพธม.เสื้อแดงไม่สมานฉันท์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ได้ฤกษ์เปิดตัว''ภูมิใจไทย''โชว์ 40 ส.ส.พรรคอันดับ 2

รัฐบาลตกรางวัลพันธมิตรฯตั้งเป็นกุนซือรัฐมนตรี พร้อมเรียงหน้าแก้ต่างกันจ้าละหวั่น อ้างเป็นเด็กเก่า ปชป. ทั้งนั้น ขณะ ที่ เสื้อแดง รับไม่ได้ลั่นทำอย่างนี้อย่าหวังจะเกิดความสงบ จตุพร ประกาศเลิกสมาน ฉันท์ ขอทะเลาะไม่เลิกถือเป็นการย่ำยีและตบหน้าที่รัฐบาลไม่สนใจความรู้สึกคนไทย ด้าน เพื่อไทย เกี้ยว บิ๊กเหวียง มาเป็นที่ปรึกษาพรรค เจ้าตัวยืดอกรับทันควัน ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวิน อพยพซบภูมิใจไทยแล้ว มั่นใจมีตัวเลขไม่น้อย กว่า 40 ชีวิต ลือ บังธิ แอบตั้งพรรคเล่นการเมือง เจ้าตัวปัดยังไม่อยู่ในความคิด ฝ่าย มาร์ค ให้สัญญากับสื่อไม่แทรกแซงคุกคาม จะอดกลั้นให้ถึงที่สุด โปรดเกล้าฯเปิดประชุมสภา

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่ทรงมีพระราชดำริว่า ตามที่ได้ประกาศเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2551 ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. พ.ศ. 2551 นั้น บัดนี้ สมควรจะปิดประชุมได้แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2552 ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. พ.ศ. 2552 ให้ไว้ ณ วันที่ 11 ม.ค. พ.ศ. 2552 เป็นปีที่ 64 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโอง การโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้ปีหนึ่งมีสมัยประชุมสามัญทั่วไป และสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ โดยให้ถือวันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมครั้งแรก เป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญทั่วไป และเนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2551 ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกในวันที่ 21 ม.ค. พ.ศ. 2551 จึงสมควรเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปสำหรับปี 2552 ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. พ.ศ. 2552 ตามความในมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ. 2552 ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2552 ครม.ตั้ง 35 กุนซือช่วยงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภรักษ์ ควรหา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ครม. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง 35 ตำแหน่ง คือ 1.นายประพันธ์ คูณมี เป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์ฯ 2.นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นเลขานุการ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ 3.นายชาญยุทธ โฆศิรินนท์ เป็นที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมฯ 4.นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ เป็นเลขานุการ รมว.การพัฒนาสังคมฯ 5.นายศิโรตม์ เสตะพันธุ เป็นเลขานุการ รมว.คลัง 6.นายสัญญา สถิรบุตร เป็นที่ปรึกษา รมช.พาณิชย์ 7.นายอัครพล ลีลาจินดามัย เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์

8.นายวีระชัย ถาวรทนต์ เป็นที่ปรึกษา รมว.แรงงาน 9.นายขภัช นิมมานเหมินท์ เป็นเลขานุการ รมว.แรงงาน 10.นายเกรียงยศ สุดลาภา เป็นที่ปรึกษานายถาวร เสนเนียม รมช.มหาด ไทย 11. นายสุกิจ ก้องธรนินทร์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย (นายถาวร) 12.นางประนอม จันทรภักดี เป็นที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข 13. นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เป็นเลขานุการ รมว.สาธารณสุข 14. นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ปณิธานเป็นรองเลขานายกฯ

นายศุภรักษ์กล่าวต่อว่า 15.นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เป็นที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ 16.นายสุธรรม นทีทอง เป็นเลขานุการ รมว. ศึกษาธิการ 17.นายศุรพงศ์ พงศ์เดชขจร เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ (นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์) 18.นายวิชัย ศิริประเสริฐโชค เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ (น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์) 19.นายธนพล เจิมประไพ เป็นที่ปรึกษา รมช.เกษตรฯ (นายชาติชาย พุคยาภรณ์) 20.นายพิลาศ พันธโกศล เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์)

21.นายพิชัย บุณยเกียรติ เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม 22.นางภัทรมน เพ็งส้ม เป็นเลขานุการ รมว.ยุติธรรม 23.น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล เป็นเลขานุการ รมว.วัฒนธรรม 24.น.ส.ชมพูนุท นาครทรรพ เป็นที่ปรึกษา รมว. การต่างประเทศ 25.นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์ สุต เป็นเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ 26.นายปณิธาน วัฒนายากร 27.นายสุธรรม ลิ้มสุวรรณเกษม 28.นายอิสรา สุนทรวัฒน์ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง 29.นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เป็นรองเลขาธิการรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) 30.พล.อ.สุภาษิต วรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ใจไม่ถึงเลื่อนพิจารณาพิเชฐ

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงต่อว่า 31.นายสรวงสรรค์ จามรจันทร์ เป็นที่ปรึกษา รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) 32.นายวิทเยนทร์ มุตตามระ เป็นเลขานุการ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) 33.นายก้องศักดิ์ ยอดมณี เป็นเลขานุการ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี (นาย วีระชัย วีระเมธีกุล) 34.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ 35.นายประพล มิลินทจินดา เป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.และแกนนำพันธมิตรฯ ที่มีกระแสข่าวว่าจะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุขนั้น ในการประชุม ครม. ครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่งตั้งแต่ อย่างใด อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม. ด้วยแต่นายกรัฐมนตรีได้ถอนเรื่องออกจากการพิจารณาเนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน

นายพิเชฐกล่าวภายหลังรับทราบข่าวการถูกดึงชื่อออกจากที่ประชุม ครม.ในการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุขว่า คงเป็นเพราะตนยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกสภาพัฒนา การเมือง ส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่หากฝ่ายกฎหมายเห็นว่าควรจะลาออกตนก็จะลาออก อาจจะมีการเสนอชื่อตนเข้า ครม. อีกครั้งในสัปดาห์หน้า มาร์คอึ้งตอบไม่ตรงคำถาม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี แถลงถึงเหตุผลการแต่งตั้งแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มาเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐ มนตรีว่า คนที่ขึ้นเวทีไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ไม่มีปัญหา ตนได้กำชับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ว่าถ้าทำผิดไม่ว่าฝ่ายไหนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเหตุผลที่แต่งตั้งนายประพันธ์เป็นเลขานุการ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เพราะทำงานการเมืองกับพรรคมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อถามว่า นายประพันธ์มีความรู้อะไรในด้านวิทยาศาสตร์ฯ นายกรัฐ มนตรีถึงกับอึ้ง ก่อนจะกล่าวว่า นายประพันธ์ก็เป็นผู้ที่มีความรู้พอสมควร

ต่อข้อถามว่า การแต่งตั้งแกนนำพันธ มิตรฯ เข้ามายิ่งจะเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนที่เข้ามารับตำแหน่งได้พูดถึงแนวทางการทำงานชัดเจน ต้องการให้การเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยืนยันว่า คนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฯ หรือเลขา นุการรัฐมนตรี มีหน้าที่ช่วยรัฐมนตรี ไม่ได้มีหน้าที่ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โต้ให้โบนัสพันธมิตรฯ

ต่อข้อถามว่า จะส่งผลกับการสร้างความสมานฉันท์ที่รัฐบาลพยายามอยู่หรือไม่ เพราะภาพที่ออกมารัฐบาลยืนอยู่ข้างพันธมิตรฯฝ่ายเดียว นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ทั้งหมด อยู่ที่เรื่องของความเป็นธรรม ฝ่ายค้านก็เคลื่อนไหวอยู่ซึ่งก็ทำได้ถ้าอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ แต่หากทำผิดกฎหมายก็ปฏิบัติเสมอกันไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนนี่คือหัวใจ

เมื่อถามต่อว่า การทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้รัฐบาลถูกมองว่าเป็นการให้โบนัสกับทางกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีใครได้รับการตอบแทนอะไร ทุกคนเข้ามาทำงาน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้กับทางกลุ่ม นปช. และกลุ่มเสื้อแดงหรือ นายกฯกล่าวว่า ต้องดูการทำงาน ส่วนที่ทางกลุ่มเสื้อแดงพยายามกดดันให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนตัว รมว. การต่างประเทศนั้น ตนพูดไปแล้วว่ายังไม่มีเหตุ ผลอะไรที่จะปรับ ครม. การเปลี่ยนแปลงจะ เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการทำงานมีปัญหา ยันคนของพรรคไม่ใช่ พธม.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแต่งตั้ง เลขา นุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลักเกณฑ์จะพิจารณาบุคคลภายในพรรคที่มีความรู้ความสามารถ และบุคคลภายนอกที่เราเชื่อใจได้ ข่าวการแต่งตั้งแกนนำพันธมิตรฯ มาร่วมงานจริง ๆ แล้วเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยไปทำกิจกรรมทางการเมืองในเวทีพันธมิตรฯ

ชื่อที่ปรากฏในข่าวไม่ว่าจะเป็นนายประพันธ์ คูณมี นายพิเชฐ พัฒนโชติ เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมาก่อน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโควตาของกลุ่มพันธมิตรฯ นายสุเทพกล่าว พร้อมชี้แจงเสียงวิจารณ์

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนัก นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ต้องพิจารณา 2 ส่วนคือเรื่องคุณสมบัติว่าเหมาะสมหรือไม่ และต้องฟังเสียงประชาชนว่าจะตอบรับหรือไม่ หากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างความสมาน ฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ แต่การตั้งคนที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับจะยิ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแกนนำของฝ่ายพันธมิตรฯ อย่างเดียว แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคคงอธิบายยาก แต่ถ้าเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เหตุผลในการพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมรัฐบาลต้อง เร่งรัดแต่งตั้งผู้ที่เป็นแกนนำพันธมิตรฯ เข้ามา ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งที่เรื่องการปิดสนามบินกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เร่งรัด เป็นการแต่งตั้ง ตามปกติ กระทรวงอื่นก็ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เรื่องคดีความต่าง ๆ รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่เข้าไป แทรกแซง คดีที่เกิดขึ้นไม่ว่าจากฝ่ายพันธมิตรฯ หรือฝ่าย นปช. ก็ให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ยันไม่ใช่การต่างตอบแทน

ด้านนายประพันธ์ คูณมี อดีตสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งที่ปรึกษา เลขารัฐมนตรี เป็นการตอบแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างอิสระ เราได้รับเกียรติร่วมต่อสู้กับภาคประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติ เราก็เคารพ การแต่งตั้งพรรคอาจเห็นว่าเรามีประโยชน์ในการทำงาน เราไม่เคยคิดเอาการเคลื่อนไหวมาหาประโยชน์เพื่อให้ได้ตำแหน่ง หรือคิดที่จะกอบโกยผลประโยชน์ ตนไม่เคยวิ่งเต้นขอตำแหน่ง

ด้านนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการตอบแทนแน่นอน เพราะตำแหน่งที่ปรึกษาไม่มีอะไรมาก เป็นการใช้ความรู้ความสามารถทำงาน ไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอะไร ตนก็เคยเป็นรองประธานวุฒิสภามาก่อน นายประพันธ์และนายสำราญ ก็เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อยากให้ประชาชนติดตามการทำงาน ว่าจะมีพฤติกรรมเสื่อมเสียหรือไม่ เรียงหน้าแก้ตัวจ้าละหวั่น

ขณที่นายสำราญ รอดเพชร อดีตแกน นำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวเสริมว่า ทุกคนที่เคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ มีความเป็นเสรีชนอย่างอิสระไม่เกี่ยวกับพรรค

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งถ้ามองผิวเผินเหมือนเป็นการต่างตอบแทน แต่บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ลั่นแกนนำไม่รับตำแหน่ง

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า การที่คนเหล่า นี้มาขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ ก็มาส่วนตัว อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ 5 แกนนำ ถ้า 1 ใน 5 แกนนำได้รับแต่งตั้งทางการเมืองอาจเป็นเรื่องที่ผิดปกติสมควรถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการตอบแทนคุณพันธมิตรฯ

วันนี้จุดยืนของ 5 แกนนำไม่มีวิ่งเต้นขอตำแหน่ง 5 แกนนำยังมีความตั้งใจจะสร้างสมรรถนะและประสิทธิภาพให้กับการเคลื่อน ไหวของพันธมิตรฯ ต่อไป เพื่อทำให้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งและมีอำนาจต่อรองถ่วงดุลกับการเมืองในสภาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อสร้างการเมืองใหม่นั้นเป็นแผนงานตลอดทั้งปี 52 ของพันธมิตรฯ และ จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ม.ค. ที่ จ.ชลบุรี นายสุริยะใส กล่าวและว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของ นปช. เชื่อว่าสุดท้ายจะเหี่ยวแห้งไปเอง รับไม่ได้ตบหน้าคนไทย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรฯ เป็นที่ปรึกษา รมว.วิทยาศาสตร์ ว่า เป็นการเหยียบย่ำหัวใจและตบหน้าคนไทยอย่าง แรง เท่ากับยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นองค์กรเดียวกัน การที่นายอภิสิทธิ์อ้างว่าพร้อมปลดออกหากผลการสอบสวนพบว่าแกนนำพันธมิตรฯ มีความผิด เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น

เมื่อนายกฯ กล้าการันตีแต่งตั้งปูนบำเหน็จคนที่ร่วมขบวนการโค่นล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการสร้างความเสียหายให้ประเทศเป็นแสนล้านมามีตำแหน่งในรัฐบาลแล้ว เชื่อว่าการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ จะชะงักไป นายจตุพรกล่าว ประกาศเลิกสมานฉันท์

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ ไม่ยั้งมือแล้วก็ขอให้แต่งตั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย เป็นที่ปรึกษานายกรัฐ มนตรีด้วยเสียเลย และเมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นคนเร่งสถานการณ์ ภายในเดือน ม.ค. คนเสื้อแดงจะมีการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง แต่คงไม่ชุมนุมเปล่า ๆ จะมีมาตรการชัดเจน แค่การปล้น ส.ส. ให้เกิดงูเห่าภาค 2 มีทหารแทรกแซง นายทุนซื้อตำแหน่งก็เลวทรามพอแล้ว แต่การตกรางวัล พันธมิตรฯ เลวทรามที่สุดเชื่อว่าคนไทยรับไม่ได้

อย่างนี้ก็อยู่กันไม่ได้ นานาชาติเขาไม่ยอมรับผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน แต่ประเทศนี้มันเฮงซวยตั้งคนทำผิดมาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี เมื่อนายอภิสิทธิ์ไม่ปิดบังผมเองก็ไม่มีอะไรต้องเหนียมอายต่อไป คนที่บอกให้หยุดทะเลาะกัน ต้องถามว่าตั้งแกนนำพันธมิตรฯ มารับตำแหน่งเห็นด้วยหรือไม่ อย่างนี้มันต้องทะเลาะกันต่อ มันจะสงบจบลงได้อย่างไร บ้านเมืองนี้มันต้องทะเลาะกันต่อไป เพราะรัฐบาลไม่สนใจความรู้สึกของคนไทย และทำเนียบรัฐบาลคือเป้าหมายใหญ่ แต่เราจะไม่ยึดสถานที่สำคัญอย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงกล่าว แขวะ ปชป.เผยตัวตนชัดเจน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ครม. ตั้งแกนนำพันธมิตรฯ ดำรงตำแหน่งเลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าต้องขอชมนายกฯ และนายสุเทพว่าใจถึงจริง สื่อมวลชนตัดสินเองแล้วกันว่าจะกระทบภาพ ลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ อย่างนี้เท่ากับการเปิดหน้ากันเล่นไม่เป็นอีแอบแล้ว เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ยืนยันชัดว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่วันนี้ก็พิสูจน์ชัดว่าเป็นพวกเดียวกัน

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลนำคนที่เคยเป็นแกนนำพันธมิตรฯ มาเป็นที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารจะต้องพิจารณา การทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจได้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายบริหารเป็นสิ่งสำคัญ เหวียงรับเป็นที่ปรึกษาเพื่อไทย

อีกด้านหนึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และ น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่บ้านพักย่านเมืองทองธานี เพื่อเชิญให้มารับตำแหน่งที่ปรึกษาพรรค โดยนายยงยุทธได้มอบช่อกุหลาบแดงให้กับ พล.อ.เชษฐา พร้อมขอให้ พล.อ.เชษฐาเข้ามามี ส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของชาติ ด้วยการมาร่วมทำงานกับพรรคในตำแหน่งที่ปรึกษาพรรค

พล.อ.เชษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ตนตอบรับเป็นที่ปรึกษาให้พรรคเพื่อไทยแล้ว เหมือนการกลับมาบ้านเก่า เพราะเคยทำงานในพรรคไทยรักไทยมาก่อน คนเราเริ่มต้นที่ไหนก็จะลืมไม่ได้ เมื่อพรรคเพื่อไทยอยากได้ตนไปให้คำปรึกษาจึงไม่ขัดข้อง และยืนยันว่าในอนาคตตนจะรับไม่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะขอเพียงให้คำปรึกษาเท่านั้น จวกรัฐบาลดึงฝ่ายค้านเป็นพวก

ด้านนายยงยุทธกล่าวว่า พรรคได้พล.อ.เชษฐามาเป็นที่ปรึกษา ทำให้รู้สึกอบอุ่นสบายใจและพอใจ ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ก็เชื่อมั่นในตัว พล.อ.เชษฐา โดยเฉพาะเรื่องความจงรักภักดี ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกผู้นำฝ่ายค้าน พรรคอยู่ระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัว ต้องตั้งหลักให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกันเรื่องนี้อีกที อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานสมาชิกสภา เพื่อทำหน้าที่นี้ไปพลาง ๆ

ขณะที่นายวิทยากล่าวถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ส่งเทียบเชิญให้เข้าไปร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้ตนก็ทราบเช่นกันว่ารัฐบาลพยายามจะดึงคนของพรรคฝ่ายค้าน แม้แต่ตนเองก็ยังถูกทาบทาม ตนเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง จึงขอให้ ส.ส. รักษาน้ำใจประชาชนที่เลือกพวกเรา และตนเชื่อว่าแนวคิดนี้นายเสนาะมีอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว 14 ม.ค.เพื่อนเนวินซบภูมิใจไทย

ด้านนายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย และแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงการเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยว่า จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ม.ค. ที่โรงแรมสยามซิตี การรวมตัวของทั้ง 2 กลุ่มไม่มีเงื่อนไขว่ากลุ่มไหนจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือกลุ่มไหนจะเป็นเลขาธิการพรรค ทางกลุ่มเพื่อนเนวินยืนยันที่จะเสนอนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรค เพราะถือว่ามีความเหมาะสมที่สุด ส่วนจะเป็นใครนั้นจะต้องผ่านที่ประชุมอีกครั้ง ส่วนเลขาธิการพรรคยังไม่ได้มีการกำหนดตัวบุคคลว่าจะเป็นใคร ต้องรอความชัดเจนและมติของ ส.ส.เสียงส่วนใหญ่

เมื่อถามว่า การรวมตัวของทั้ง 2 กลุ่มเพื่อต่อรองโควตารัฐมนตรีหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ไม่มีประเด็นนี้ แต่กลุ่มจะต้องมีพรรคสังกัดภายใน 60 วัน การรวมตัวกันครั้งนี้เพื่อร่วม มือกันทำงาน และหาก ส.ส. จากพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่ตัดสินใจเข้าสมัครเป็นสมาชิกไหน พรรคภูมิใจไทยก็ยินดีรับทุกคน ปิดปากเงียบส่งเนวินขึ้นนายกฯ

เมื่อถามว่า การรวมกันเพื่อปูทางให้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคตหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็นในประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่านายเนวินเป็นบุคคลที่ ส.ส.ส่วนหนึ่งให้การเคารพนับถือ เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่าการตั้งพรรคภูมิใจไทยมีนายทหารอยู่เบื้องหลัง นายบุญจงกล่าวว่า ไม่มีความเห็น

ต่อข้อถามว่า กลุ่มเพื่อนเนวินจะพิสูจน์ ตัวเองให้ประชาชนเห็นได้อย่างไร ว่าจะไม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ และเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาล นายบุญจงกล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศมีสิทธิตั้งคำถาม แต่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ในสิ่งที่กลุ่มเพื่อนเนวินทำ เชื่อ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 40 คน

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า ทางกลุ่มแสดงเจตนารมณ์ว่าอยากจะเสนอนายชวรัตน์เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เท่าที่ได้พูดคุยท่านก็บอกว่าพร้อม การเปิดตัวในวันที่ 14 ม.ค. ตัวเลข ส.ส.ที่จะมาอยู่รวมกันไม่น่าจะน้อยกว่า 40 คน จากกลุ่มเพื่อนเนวิน 23 คน พรรคภูมิใจไทยเดิมก็มีไม่น้อยกว่า 10 คนอยู่แล้ว

ขณะที่นายมานิต นพอมรบดี รมช. สาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรา พยายามคุยกับ ส.ส. อีกหลายคนที่ยังไม่ได้สังกัดพรรค หากใครสนใจและมีแนวทางการเมืองเหมือนกัน เราก็พร้อมเชิญทุกคนให้มาร่วมงานกัน เมื่อถามว่าพอใจหรือไม่ที่มีชื่อของนายชวรัตน์มาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนใหม่ นายมานิต กล่าวว่า นายชวรัตน์ถือว่ามีความเหมาะสม เป็นผู้ใหญ่ผ่านงานมาหลายกระทรวง และต้องมองว่าเลขาธิการพรรคจะเป็นใคร เพราะคงต้องทำงานมากหน่อย บังปัดตั้งพรรคการเมือง

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผบ.ทหารสูงสุด และอดีต คมช.กล่าวถึงกระแสตั้งพรรคการเมืองของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ว่า ไม่เคยได้ยินจากปากของพล.อ. สนธิ หากเป็นเรื่องจริงก็เชื่อว่าเป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับอดีตสมาชิก คมช. คนอื่น

พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการ คมช. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกระแสข่าวพล.อ.สนธิจะจัดตั้งพรรคการเมืองว่า ไม่ทราบเรื่อง คิดว่าคงไม่คิดที่จะทำพรรคการเมือง ข่าวที่เกิดขึ้นคงเป็นการคาดคะเนไปเอง คิดว่า พล.อ.อ.ชลิต คงไม่เล่นการเมืองอย่างแน่นอน แต่ พล.อ.สนธิ ไม่แน่ใจ

ด้าน พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กรณีข่าวตั้งพรรคการเมืองและจะมีการดึง ส.ส. จากกลุ่มเพื่อนเนวินมาร่วมว่า ไม่ทราบว่าข่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนไม่มีแนวคิดจะตั้งพรรคการเมือง โวย พท.ฟ้องนานาชาติ

อีกด้านหนึ่ง นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึ งการที่พรรคเพื่อไทยจะส่งเรื่องการตีความการแถลงนโยบายของรัฐบาลไปยังนานาชาติ เพื่อคัดค้านการประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ถือเป็นการเปิดช่องให้ ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่ออำนาจอธิปไตย หากไม่เห็นด้วยก็ควรจะใช้กลไกการตรวจสอบที่มีอยู่ในประเทศ นพ.บุรณัชย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และ นปช. เห็นได้ชัดเจนว่ามีการวางยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกัน จึงไม่ควรปฏิเสธความสัมพันธ์กันต่อไปอีก ยืนยันว่าพรรคการเมืองไม่ใช่สาเหตุของความขัดแย้ง อาจจะใช้แนวทางการหารือเจรจา ทำความเข้าใจ ไม่ร้องคัดค้าน 7 วันรับรองผล

สำหรับการรับรองผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า กกต. จะเร่งพิจารณา ส่วนการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คาดว่าจะรับรองได้ในวันที่ 15 ม.ค.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงวกต. จะเริ่มทยอยประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านภายใน 7 วัน สำหรับเรื่องการร้องคัดค้านได้รับรายงานเข้ามาทั้งสิ้น 15 เรื่อง แยกเป็น พรรคเพื่อไทย 4 เรื่อง พรรคประชาธิปัตย์ 2 เรื่อง พรรคชาติไทยพัฒนา 2 เรื่อง พรรคเพื่อแผ่นดิน 1 เรื่อง แยกเป็น 9 จังหวัด ได้แก่ จ.นครพนม 1 เรื่อง จ.มหา สารคาม 2 เรื่อง จ.ร้อยเอ็ด 1 เรื่อง จ.ลำปาง 1 เรื่อง จ.ลำพูน 3 เรื่อง จ.สมุทรปราการ 3 เรื่อง จ.อ่างทอง 2 เรื่อง จ.อุทัยธานี 1 เรื่อง และ จ.อุบลราชธานี 1 เรื่อง พผ.วุ่นอาจเจอโทษอาญา

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการรับรองผลการประชุมพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคของพรรคเพื่อแผ่นดินว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ที่ประชุม กกต.และไม่ทราบว่าพรรคเพื่อแผ่นดินส่งรายงานการประชุมพรรคมาให้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วหรือไม่ หากเลยเวลาที่กำหนดนายทะเบียนฯก็จะแจ้งไปยังพรรค และหากยังไม่ส่งมาก็จะมีโทษทางอาญาโดยการปรับ

นายธนิศร์ ศรีประเทศ รักษาการผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงพบว่ามีการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคชุดใหม่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนดให้หัวหน้าต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วัน เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ต้องแจ้ง แต่กลับไม่ดำเนินการ แต่ทางสำนักงานเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีการโต้แย้งของทั้ง 2 ฝ่าย จึงเตรียมที่จะเสนอต่อที่ประชุม กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง รอสรุปรับรองผลผู้ว่าฯกทม.

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการรับรองผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า กกต.กทม. ยังไม่ส่งผลคะแนนมาให้ กกต.กลาง เนื่องจากยังพิจารณากรณีที่มีผู้ร้องเรียนการนับคะแนนที่เขตพญาไท ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 14 ม.ค. ก่อนจะส่งให้ กกต.กลางประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต. จะไม่เร่งพิจารณาสืบสวนกรณีเขตพญาไท เพราะต้องให้มีการพิจารณาโดยรอบคอบที่สุด ส่วนผลการนับคะแนนทุกเขตตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอการประกาศรับรองผล ทั้งนี้ กกต. จะต้องดูผลการสืบสวนก่อนว่า ผู้สมัครมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ และจากรายงานเบื้องต้นก็พบว่าเจ้าหน้าที่เกิดความสับสน ยอมรับว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนจะเจตนาทุจริตหรือช่วยผู้สมัครหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่ข้อเท็จจริงที่กำลังสืบสวนอยู่ เตือนสื่ออย่าตกเป็นเหยื่อ

ส่วนการเมืองอื่นที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายงานราชดำเนินเสวนาในหัวข้อ นโยบายและการผลักดันปฏิรูปสื่อของรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่า ความสำคัญของการปฏิรูปสื่อมี 2 ประการ คือ ในเชิงของสภาวะแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร บทบาทของสื่อมีส่วนในการหล่อหลอมและสร้างค่านิยมให้กับเยาวชน มีมากกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์ และสื่อมีบทบาทสำคัญในการนำสังคมกลับคืนสู่ความเป็นปกติมากที่สุด จึงต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้สื่อมีสิทธิเสรีภาพบนหลักการของวิชาชีพและความเป็นมืออาชีพเสนอความคิดต่อสังคม

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่คุกคามการทำงานของสื่อ คือ อำนาจรัฐและอำนาจทุน นำสื่อมาเป็นเครื่องมือ ตนอยากเห็นกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ เพื่อให้สื่อมีหลักประกันที่ดีมากขึ้นในการเป็นอิสระ สำหรับข่าวทางโทรทัศน์ วันนี้มีรายการคุยข่าวมากขึ้นถือเป็นอันตราย เพราะมีการชี้นำประชาชนด้วยสีหน้าและท่าทางของผู้คุยข่าว อย่างไรก็ตามตนเคารพการทำหน้าที่ของสื่อ แต่อยากให้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยไม่บิดเบือนความจริง ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่มีวาระในเชิงการเมือง ถ้าสื่อเสนอแต่ความไม่ปกติ สังคมก็จะเสพแต่ความไม่ปกติของสังคม พร้อมอดกลั้นไม่คุกคาม

ประวัติการทำงานของผม 17 ปี การถูกตำหนิวิจารณ์ต้องมีแน่นอน แต่ผมไม่เคยคุกคามสื่อ อาจจะตอบโต้บ้างเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ใช้น้อยมาก ผมจะพยายามรักษาแนวทางนี้ไว้โดยใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อรักษาแนวทางการตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของ การเสวนา ตัวแทนสื่อได้ซักถามถึงการจัดสรรคลื่นความถี่ นายกฯ ชี้แจงว่า ต้องดูตามความเป็นจริงว่าจะจัดการอย่างไรโดยไม่เสียหลักการ คลื่นที่มีอยู่ใช้เพื่อความมั่นคงหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เนื้อหาไม่ใช่ มีความเป็นธุรกิจมากขึ้นถ้าดึงกลับมาอยู่ในกรอบจะมีการชดเชยให้อย่างไร วิทยุชุมชนกฎหมายก็ยังมีความสับสน กลุ่มปาไข่ดักถล่มหน้าสมาคมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์กล่าวในการเสวนาดังกล่าว ปรากฏว่าได้มีประชาชนประมาณ 10 คน ยืนอยู่นอกรั้วที่ทำการสมาคมนักข่าวฯ พร้อมกับเตรียมไข่เพื่อปาใส่นายอภิสิทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกลุ่มคนดังกล่าวออกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 20 คน ใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีรัฐบาล ว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม ซึ่งในตอนแรกนายอภิสิทธิ์จะเดินลงด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อไปเป็นประธานการประชุม ครม. ที่ตึกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่เมื่อได้ยินเสียงและเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงจึงได้เลี่ยงลงด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าแทน ณัฐวุฒิ ชี้พันธมิตรฯจะผงาดอีก

ทางด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง และผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวถึงกรณีที่ครม.แต่งตั้ง นายประพันธ์ คูณมี แนวร่วมพันธม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook