จงรัก ขอ 4 สัปดาห์ออกหมายจับยึดสนามบิน ตร.อยุธยาผงะจับแนวร่วมพธม.ขโมยปืนทำเนียบฯ

จงรัก ขอ 4 สัปดาห์ออกหมายจับยึดสนามบิน ตร.อยุธยาผงะจับแนวร่วมพธม.ขโมยปืนทำเนียบฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จงรัก ขอเวลาอีก 4 สัปดาห์ ออกหมายจับม็อบยึดสนามบิน ยืนยันไม่มีฝ่ายการเมืองกดดัน ตร.อยุธยารวบ2ผู้ต้องหาเร่ขายปืนกล สารภาพสิ้นเป็นเครือข่ายพันธมิตรฯ ขโมยจากทำเนียบรัฐบาล จงรัก เร่งรัดคดีปิดสนามบิน

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อเร่งรัดคดี ว่าคดีมีความคืบหน้าแล้ว 70% โดยสอบพยานแล้วกว่า 300 ปาก ซึ่งจะสอบสวนต่อไปอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็จะสามารถเสนอออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐานได้ แต่ยังไม่สามารถระบุว่าได้ว่าเป็นใครบ้าง

คดียึดสนามบิน มีผู้เสียหายเพิ่มเข้ามาคือ การท่าอากาศยานแห่งประเทษไทยฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท และการบินไทยเรียกค่าเสียหาย 18,000 ล้านบาท ดังนั้น พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องนำคำฟ้องมาพิจารณาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย เพื่อให้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิด รวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น พล.ต.อ.จงรัก กล่าว

ยันไม่มีฝ่ายการเมืองกดดัน

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า สำหรับคดีพันธมิตรบุกยึดทำเนียบรัฐบาล พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยดำเนินคดีกับ 9 แกนนำพันธมิตรในความผิดฐานกระทำปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนความผิดฐานร่วมกันสะสมอาวุธ ตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฎนั้นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับในข้อหานี้ ส่วนคดียิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปยังกลุ่มพันธมิตรกำลังอยู่ระหว่างทำคดี

เมื่อถามถึงกรณีแกนนำกลุ่มพันธมิตรหลายคนเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรคพนักงานสอบสวน และไม่มีผลต่อการทำงาน ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนตามหน้าที่ ขอยืนยันไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามากดดัน นายกรัฐมนตรีเองก็บอกว่าให้ดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เป็นลักษณะมวยล้มต้มคนดู

จับ2ผู้ต้องหาขโมยปืนสันติบาล

วันเดียวกัน พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รองผกก.กลุ่มงานสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.)พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ต.มาโนช บุญส่ง สว.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังจับกุมนายสลาวุฒิ ไวยบท หรือวุฒิ บางปะอิน อายุ 30 ปี อาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่ง และนายมานะ ทุมรัตน์ หรือ นะ หนองแค อายุ 39 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล(ส.อบต.) หนองจิก อ.หนองแค จ.สระบุรี ขณะทั้งสองนั่งอยู่ในรถกระบะ ซึ่งจอดอยู่ในซอยวัดสุทธิ หมู่ 2 ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และตรวจค้นในรถพบอาวุธปืนสงคราม ชนิดปืนกล ทอมสัน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 5 นัด และวิทยุสื่อสารแบบตำรวจ 1 เครื่อง

นายมานะ สารภาพว่า เป็นเครือข่ายกลุ่มพันธมิตร จ.สระบุรี และเข้าร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งระหว่างการชุมนุมได้ลอบเข้าไปในห้องของตำรวจสันติบาลที่รักษาการทำเนียบรัฐบาล ขโมยอาวุธปืนดังกล่าวออกมาเก็บไว้ที่บ้าน จ.สระบุรี ภายหลังกลัวความผิดและนายสลาวุฒิ ซึ่งเป็นเพื่อนกันรู้เรื่องได้มาขอซื้อ จึงขายให้ในราคาถูก

ด้านนายสลาวุฒิ ให้การว่า ซื้อปืนพร้อมกระสุนจากนายมานะ ราคา 2,000 บาท แต่ต่อมากลัวความผิด จึงปรึกษากับนายมานะ และจะนำปืนพร้อมกระสุนมาขายให้กับบุคคลที่ 3 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อน

พ.ต.ท.นฤนาท กล่าวว่า เบื้องต้นจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองให้พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีอาวุธสงครามไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีวิทยุสื่อสารโดยไม่รับอนุญาต นอกจากนี้จะประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลให้มาตรวจสอบอาวุธปืน หากยืนยันว่า เป็นปืนของตำรวจสันติบาลก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มคือ ร่วมกันลักทรัพย์ทางราชการ พร้อมส่งปืนของกลางคืนตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook