จตุพรท้ามาร์คยุบสภาพิสูจน์กระแสแม้ววูบ ยงยุทธยอมรับแพ้เลือกตั้งซ่อม เหตุขาดความพร้อม

จตุพรท้ามาร์คยุบสภาพิสูจน์กระแสแม้ววูบ ยงยุทธยอมรับแพ้เลือกตั้งซ่อม เหตุขาดความพร้อม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จตุพรท้ามาร์คแน่จริงยุบสภาถ้าคิดว่ากระแสแม้วลดลง ลั่นปชช.หนุนเป็นรบ.อีกจะหยุดเคลื่อนไหว หน.เพื่อไทย แจงแพ้เลือกตั้งซ่อมเพราะขาดความพร้อม บุญจงมั่นใจเก้าอี้ส.ส.เพิ่มทำรบ.มีเสถียรภาพมั่นคงขึ้น สุเทพ ยันได้ที่นั่งเพิ่ม แต่ไม่มีการปรับครม.ใน 6 เดือน ค้าน เสธ.หนั่น นายกฯ เผยผลเลือกตั้งซ่อมจะไม่ทำให้รัฐบาลเหลิงอำนาจและไม่มีความจำเป็นต้องปรับครม. เสื้อแดงท้านายกฯยุบสภาแลกยุติเคลื่อนไหว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าววันนี้ (12 ม.ค.) ถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 22 จังหวัด พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. น้อยลง ว่า หาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เห็นว่ากระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลดลง ขอท้าให้ นายกรัฐมนตรี ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หากผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นรัฐบาลทางกลุ่ม นปช. ก็พร้อมยุติการเคลื่อนไหว และพรรคเพื่อไทย ก็จะยอมรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

หน.เพื่อไทยยอมรับขาดความพร้อมแพ้เลือกตั้งซ่อม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.เพิ่ม 5 ที่นั่ง จากที่ส่งผู้สมัครลงทั้งหมด 19 คน ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองใหม่จึงขาดความพร้อม และผู้สมัครติดขัดเรื่องคุณสมบัติในการสังกัดพรรคการเมืองครบ 90 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงแกนนำคนสำคัญก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พร้อมจะเปิดทางให้มีการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร เพราะตนเองไม่มีความถนัดทางด้านการเมือง โดยในการประชุมพรรคพรุ่งนี้ จะหารือถึงการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

เพื่อนเนวินเชื่อหลังเลือกตั้งซ่อมเสถียรภาพรบ.มั่นคงขึ้น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยและแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย เอฟเอ็ม 98 เมกะ เฮริทซ์ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.โดยฝ่ายรัฐบาลได้ส.ส. 20 คน ฝ่ายค้านได้ 9 คนว่า กลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้ส่งผู้สมัครส.ส.แต่กลุ่มได้สนับสนุนผู้สมัครส.ส.ในบางพรรคและชนะเลือกตั้ง 4 คน โดยอยู่พรรคประชาราช 2 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 2 คน

เมื่อถามว่า คนในกลุ่มที่ไปสังกัดพรรคประชาราชนั้น หากมีการลงมติจะทำอย่างไร เพราะพรรคประชาราชไม่ได้ร่วมรัฐบาล นายบุญจงกล่าวว่า การเมืองหลังการการเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ส.สามารถใช้เอกสิทธิลงคะแนนได้ตามรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง แต่ตนคิดว่าเสถียรภาพรัฐบาลจะมั่นคงขึ้น

เมื่อถามว่ามองผลการเลือกตั้งในภาคเหนือและอีสานอย่างไรเพราะบางเขตพรรคเพื่อไทยแพ้ นายบุญจงกล่าวว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคและผู้สมัครส.ส.ต้องรณรงค์หาเสียง เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเเบบนี้ต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน

สุเทพยันไม่ปรับครม.ใน6เดือน ซัดเสธ.หนั่นพูดเอง

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลเลือกตั้งซ่อมที่พรรคร่วมได้ส.ส.เพิ่มอีก 20 เสียงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีทั้งดีใจและหนักใจ เพราะประชาชนเทคะแนนให้เกินความคาดหมายในหลายพื้นที่ ทั้งจ.สมุทรปราการ ลำพูน สิงห์บุรี ขณะที่หลายพื้นที่คะแนนดีขึ้นมา แต่ที่หนักใจคือการที่ลงคะแนนเช่นนี้แสดงว่า ประชาชนตั้งความหวังให้รัฐบาลทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุขในเวลาที่จำกัด

"แม้พรรคร่วมจะได้เสียงเพิ่มขึ้น แต่ยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับครม.ในช่วง 3-6 เดือนนี้ เพราะตอนที่ผมได้หารือกับแกนนำพรรคต่างๆตอนตั้งรัฐบาลก็ยืนยันว่าจะให้ดูแลกระทรวงนั้นไปก่อน จะได้ไม่เสียเวลาเรียนงานใหม่ ไม่ได้คิดถึงเสียงพรรคร่วมเลย ความเห็นของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ระบุว่าอาจต้องปรับครม.เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าการต่อรองตำแหน่งอาจสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนอยากมองในแง่ดี เพราะรัฐบาลจะทำงานได้ง่ายขึ้น การผลักดันกฎหมายใดๆก็ง่าย เนื่องจากมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านอยู่ 45-46 เสียงแล้ว

กกต.แจงมีร้องทุจริตเลือกตั้ง 11 เรื่อง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวเมื่อวันที่ 12 มกราคม ถึงเรื่องร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง เบื้องต้นได้รับรายงาน 11 เรื่อง ประกอบด้วย จ.นครพนม ร้องเรื่องแจกเงิน ซึ่ง กกต.จว.รับเป็นเรื่องร้องคัดค้านแล้ว จ.อุบลราชธานีเขต 2 จำนวน 1 เรื่องโดยใช้วิทยุชุมชนหาเสียง ซึ่งรับเป็นเรื่องร้องคัดค้านแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการสืบสวนก่อนที่จะรับเป็นเรื่องร้องคัดค้านหากมีมูล ประกอบด้วย จ.มหาสารคาม 2 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องใช้รูปหัวหน้าพรรคหาเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรื่องจัดให้มีมหรสพ งานเลี้ยง , จ.ร้อยเอ็ด 1 เรื่อง กรณีปราศรัยใส่ร้าย ,จ.ลำพูน 2 เรื่อง กรณีใช้เงินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ ปราศรัยใส่ร้าย , จ.สิงห์บุรี 1 เรื่อง กรณีใช้ป้ายหาเสียงหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ,จ.อ่างทอง 1 เรื่อง โฆษณาหาเสียงทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม และ จ.อุทัยธานี 1 เรื่องกรณีโฆษณาหาเสียงเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง

กกต.เผยผู้ใช้สิทธิ 22 จว. ร้อยละ 55.47%ลำพูนแชมป์

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงถึงภาพรวมการใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แทนตำแหน่งที่วางใน 29 ที่นั่ง ว่า ขณะนี้ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการซึ่งต้องรอ ผอ.กต.แต่ละจังหวัด ส่งเอกสารแบบฟอร์มผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเข้ามายัง กกต. คาดว่าในช่วงบ่ายจะส่งมาครบทั้ง 22 จังหวัด และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ในวันที่ 13 มกราคม

นายสุทธิพล กล่าวว่า สถิติการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ใน 22 จังหวัด มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 7,838,714 คน มาใช้สิทธิ 4,347,913 คน หรือ ร้อยละ 55.47 มีบัตรเสีย 155,163 ใบ หรือร้อยละ 3.57 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 308,947 ใบ หรือร้อยละ 7.11 ส่วนจ.ลำพูนผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด 234,103 คน หรือร้อยละ 75.26 จากผู้มีสิทธิ 311,041 คน ส่วนจ.สมุทรปราการมีผู้มาใช้สิทธิน้อยที่สุด 156,582 คน หรือร้อยละ 43.37 จากผู้มีสิทธิ 361,058 คน ขณะที่ จ.ร้อยเอ็ดมีบัตรเสียน้อยที่สุด 3,678 ใบ หรือร้อยละ 1.92 และ จ.ร้อยเอ็ดมีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนน้อยที่สุด 4,664 ใบ หรือร้อยละ 2.44 ส่วน จ.สระบุรี มีบัตรเสียมากที่สุด 8,554 ใบ หรือร้อยละ 7.10 และจ.สระบุรี มีจำนวนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนมากที่สุด 19,497 ใบ หรือร้อยละ 16.18

มาร์คยันไม่จำเป็นต้องปรับครม.หลังที่นั่งส.ส.เพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความยินดีกับว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ หลังจากเลือกตั้งซ่อมส.ส. เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) โดยขอบคุณประชาชน และกล่าวถึงผลคะแนนที่ออกมาสะท้อนว่า ประชาชนต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าและหยุดความแตกแยกระหว่างคนในประเทศ ดังนั้น จึงขอให้ส.ส.ทุกฝ่าย สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล ทั้งในกรอบข้อตกลงที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมอาเซียนซัมมิท และการจัดทำงบประมาณกลางปี 2552 เพื่อให้การทำงานของรัฐบาล เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะเห็นผลภายใน 1 เดือนนี้

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะไม่ทำให้รัฐบาลเหลิงอำนาจ และไม่มีความจำเป็นปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า ไม่หวั่นว่าฝ่ายค้านจะมีการเล่นเกมนอกสภา นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังสามารถทำได้ หากเป็นไปภายใต้กรอบของกฏหมาย

กลุ่มเพื่อนเนวินคาดแถลงรวมภูมิใจไทย 14 ม.ค.นี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ภายใต้การรวมพรรคระหว่างกลุ่มเพื่อนเนวินกับพรรคภูมิใจไทยว่า ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกัน แต่คาดว่าภายใน 1 - 2 งวัน คงจะชัดเจนมากกว่านี้ เช่นเดียวกับการแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่น่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ เช่นกัน

ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน เปิดเผยว่า การหารือเรื่องการรวมพรรคกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว คาดว่าภายในวันที่ 14 ม.ค.นี้ กลุ่มจะแถลงข่าวถึงความชัดเจนในเรื่องนี้ รวมถึง เรื่องของตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ด้วย

ชทพ.ยันไม่ขอเพิ่มโควตารมต. ชุมพล พอใจผลเลือกตั้ง

นายชุมพล ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีข่าวทีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 12 มกราคมว่าแม้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมีการพูดคุยกันในช่วงจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วและพรรคพอใจในโควตารัฐมนตรี ไม่คิดว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะถูกลดโควต้าลงจากเดิม ดังนั้น ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะไม่กระทบการปรับ ครม.

นายชุมพล กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ร้องคัดค้านการผลการเลือกตั้งซ่อมแน่นอน ยอมรับว่าในอีสานบางพื้นที่แม้คะแนนนิยมพรรคชาติไทยพัฒนาจะดูอ่อนกว่าพรรคการเมืองอื่น แต่ในตัวผู้สมัครของพรรคก็มีฐานเสียงที่แข็งแรง ต่อสู้จนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมาตลอด เพียงแต่ครั้งนี้มาพ่ายแพ้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น

ส่วนเสียงที่รัฐบาลได้เพิ่มจะทำรัฐบาลมีเสถพมากขึ้นหรือไม่นั้น นายชุมพล กล่าวว่า ส.ส.ที่เพิ่มจะทำให้รัฐบาลบริหารประเทศสบายใจขึ้น แต่เรื่องเสถียรภาพ ต้องขึ้นอยู่กับการกระทำของรัฐบาล หากรัฐบาลไม่กระทำการยั่วยุอะไรให้เกิดขึ้น รัฐบาลก็อยู่ได้ นอกจากนี้หากไม่กระทำอะไรที่ส่อไปในทางประพฤติมิชอบ รัฐบาลก็จะเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้ ดังนั้นเสถียรภาพของรัฐบาลจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขของ ส.ส.

สุเทพยันไม่ปรับ ครม. แม้ ชทพ.คว้าเพิ่ม 10 ที่นั่ง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านความมั่นคง กล่าวเมื่อวันที่ 12มกราคม ถึงท่าทีการปรับคณะรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาสามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.เพิ่ม 10 ที่นั่ง ว่า จะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีแน่นอน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลคุยกันลงตัวตั้งแต่แรกแล้ว และไม่มีการนำตำแหน่ง ส.ส.เป็นที่ตั้ง แต่ให้คนที่เคยทำงานในกระทรวงต่าง ๆ เข้ามาแล้ว สามารถทำงานได้เลยมากกว่า

นายสุเทพ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งในหลายจังหวัด ที่ออกมาแบบพลิกความคาดหมายว่า อาจเป็นสัญญาณบางอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนจำนวนมากอยากให้โอกาสนายกรัฐมนตรีทำงานมาก ส่วนที่มีผู้กล่าวหาว่ามีการใช้กลไกของรัฐนั้น เป็นเรื่องของประชาชน เพราะตนเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน คงไม่สามารถไปบังคับใช้เครื่องมือต่างๆ ได้ขนาดนั้น

สุรพงษ์ปัดเสื้อแดงทำคะแนนตก เชื่อรบ.อยู่ไม่เกิน 2 ด.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 12มกราคม ถึงสาเหตุที่ทำให้พรรคเพื่อไทยแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า เป็นเพราะการที่กลุ่มเพื่อนเนวินแยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย ไปสนับสนุนรัฐบาล จนทำให้พรรคเพื่อไทยสูญเสียเก้าอี้ ส.ส. ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในระยะหลัง ไม่เกี่ยวข้องกับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยมีจุดชัดเจนว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ จะได้เสียงเพิ่มขึ้นอีกถึง 20 เสียง แต่ก็คงจะประคับประครองให้รัฐบาลอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 เดือน

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ในประเทศใด

วิทยาไม่สนแพ้เลือกตั้งซ่อม ขู่รัฐบาลเสียงมากก็ล้มได้

นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าวทีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่12 ม.ค.ถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.วันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มีหลายตัวแปรที่มีส่วนทำให้พรรคฝ่ายค้านได้จำนวน ส.ส.น้อยกว่าพรรคร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดี พรรคชาติไทยพัฒนามีส่วนที่เสียไปบ้าง พรรคประชาราชได้เพิ่มมา ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเสียเก้าอี้เดิมในบางจังหวัด เช่น ราชบุรีและสมุทรปราการ เป็นเพราะความพร้อมเรื่องตัวบุคคล ผู้สมัครลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนน้อยไป ส่วน จ.ฉะเชิงเทรา หากดูตัวบุคคล ถือว่าใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ และปัญหาเรื่องการสังกัดพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วันเอง ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหากับพรรคเพื่อไทย

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า การที่ฝ่ายรัฐบาลได้ ส.ส.เพิ่มเป็น 259 เสียง และฝ่ายค้านได้เพิ่มเป็น 207 เสียงนั้น ไม่มีผลการทำงานของฝ่ายค้าน เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่นำเสนอ แต่เสียงขนาดนี้ก็ถือว่ารัฐบาลประมาทไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะแม้กระทั่งรัฐบาลเสียงข้างมากในอดีตก็ยังมีเหตุทางการเมืองให้ต้องยุบสภา

คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้คงต้องพูดคุยกันภายในพรรค ทั้งเรื่องตัวผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่มีแคนดิเดตหลายท่าน เพียงแต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ ก็จะได้ถือโอกาสจัดองคาพยพภายในพรรคเสียให้เรียบร้อยในคราวนี้ นายวิทยา กล่าว

รบ.กวาด20ที่นั่ง - ค้านได้ 9

พรรคร่วมรัฐบาลสามารถกวาดที่นั่งเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เมื่อวันที่ 11 มกราคม ไปได้ 20 ที่นั่ง จากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ แยกเป็น พรรคประชาธิปัตย์ได้ 7 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง เพื่อแผ่นดิน 3 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ไป 9 ที่นั่ง จากพรรคเพื่อไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาราช 4 ที่นั่ง ผลที่ออกมาทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการนำจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มมาต่อรองขอโควต้ารัฐมนตรีใหม่ ทางด้านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมประมาณ 55% น้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่มีผู้ใช้สิทธิถึง 74%

พท.พลิกเกมใช้มวลชนสู้แทน

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า หลังผลเลือกตั้งซ่อมส่อเค้าว่าหลายพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยจะตกไปอยู่ในมือของฝ่ายรัฐบาลนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้ใกล้ชิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้ประเมินว่าหากพรรคเพื่อไทยได้รับเข้ามา 7-10 ที่นั่ง จะทำให้เสียงของฝ่ายรัฐบาลทิ้งห่างไปจากพรรคฝ่ายค้านมาก หากเกินกว่า 40 เสียงแล้วคงจะทำให้การเอาชนะรัฐบาลในกลไกของสภาคงเป็นไปได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการโหวตลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือการโหวตไม่ผ่านร่างกฎหมาย ดังนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทยจึงเตรียมเสนอ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำกลุ่มวังบัวบาน น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้เปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ของพรรคจากเดิมที่หวังจะเปิดเกมการขออภิปรายไม่ไว้วางใจ และการพิจารณาร่างกฎหมาย เมื่อคะแนนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านห่างกันเกินกว่า 40 เสียงจะต้องหันกลับมาใช้แนวทางของมวลชนนอกสภา เพื่อสกัดไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถบริหารประเทศได้และกดดันให้ยุบสภาในที่สุด

มวลชนที่พรรคจะนำมาใช้มีกลุ่มความจริงวันนี้เป็นแกนหลัก ขณะที่พรรคกำลังเตรียมแกนนำมวลชนกลุ่มที่ 2 อีกกลุ่มซึ่งจะเข้ามาสร้างมวลชนเสื้อแดงเพื่อแยกบทบาทจากกลุ่มความจริงวันนี้ โดยจะชูเรื่องการรักษาประชาธิปไตยเป็นธงสำคัญในการเคลื่อนไหว ขณะที่การต่อสู้ในเวทีสภาผู้แทนราษฎรพรรคก็จะไม่ทิ้ง เพียงแต่จะชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเอาไว้ก่อน เพื่อรอให้มีประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินและการบริหารงบประมาณที่ผิดพลาดบกพร่องชัดเจนก่อนค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แหล่งข่าวกล่าว

นายกฯคาดได้20ช่วยรบ.แกร่ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภาย เวลา 19.00 น. วันที่ 11 มกราคม หลังรับทราบผลการเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการว่า คาดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.มาประมาณ 7-9 ที่นั่ง ทั้งใน กทม.และภาคกลางเกือบหมด รวมที่ จ.ลำพูน อีก 1 ก็ดีใจ เพราะแสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนให้ความกรุณาพรรคประชาธิปัตย์มาก ซึ่งจะเป็นแรงสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานของรัฐบาลมั่นคงมากขึ้น มีพลังและราบรื่นมากขึ้น เมื่อรวมกับของพรรคร่วมรัฐบาลแล้วเชื่อว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 20 ที่นั่ง ซึ่งมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เสียงของรัฐบาลมีความแข็งแกร่งขึ้น ขณะนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ สะดวกต่อทุกฝ่ายและง่ายในการทำงานต่อไป

คงโควต้าเดิม-ปรับครม.ถ้าจำเป็น

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จำนวนเสียงที่เพิ่มขึ้นของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ไม่มีความจำเป็นถึงกับต้องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเว้นมีความจำเป็นที่จะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกฯแนะนำให้พิจารณาการทำงานของ ครม.ทุกๆ 3 เดือน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่ถ้าพูดว่าจะต้องมาปรับเปลี่ยนเพราะตัวเลข ส.ส.คงจะไม่มีเงื่อนไขนั้น แต่หากเป็นเรื่องประสิทธิภาพการทำงานก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคร่วมมาขอต่อรองโควต้ารัฐมนตรีเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องต่อรอง เพราะสัดส่วนจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงหรือกระทบกันมากนัก อาจจะมีในกรณีของพรรคชาติไทยเดิมที่เปลี่ยนมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งได้ประเมินเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ลำบากใจที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่ได้ตามเป้า แต่โดยรวมพรรคร่วมรัฐบาลคงจะได้ ส.ส.เพิ่มเข้ามาทั้งหมด 20-21 คนขึ้นไป เนื่องจากประชาชนอยากให้โอกาสรัฐบาลทำงาน

เฉลิม รอข้อมูลลับซักฟอก

ด้านความเคลื่อนของพรรคฝ่ายค้าน ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งซ่อมว่า จะได้มา 8, 9 หรือ 10 ที่นั่งก็ดีใจทั้งนั้น และว่า ยังไม่มีมติเรื่องขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กำลังรอหลักฐานสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการโอนเงินจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์บริษัทหนึ่งไปให้พรรคการเมืองหนึ่ง มั่นใจว่าหากได้เอกสารดังกล่าวมารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอนเหมือนกับที่เคยอภิปราย ส.ป.ก.4-01 มาแล้ว

กกต.พอใจใช้สิทธิแค่60%

ก่อนหน้านี้ เวลา 16.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งซ่อม 22 จังหวัดว่า ภาพรวมการเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศ ผอ.กต.จว.ประเมินว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ 60% น้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่มีผู้ใช้สิทธิถึง 74% นอกจากนี้ มีเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง 1 เรืงที่ จ.ลำพูน โดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ร้องว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งช่วยนายขยัน วิพรหมชัย ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์

ลำพูนแชมป์-ปากน้ำต่ำสุด

เวลา 23.45 น. กกต.ได้รับรายงานยอดผู้มาใช้สิทธิ 4,347,913 คน จากผู้มีสิทธิ์ 7,838,714 คน คิดเป็น 55.47% บัตรเสีย 155,163 ใบ หรือ 3.57% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 308,947 ใบ หรือ 7.11% จ.ลำพูน มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด 75.26% จ.สมุทรปราการ มาใช้สิทธิน้อยที่สุด 43.37% จ.สระบุรีมีบัตรเสียมากที่สุด 7.10% และมีบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนมากที่สุด 16.18%

หนาว ทำคนใช้สิทธิบางตา

บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 22 จังหวัด 26 เขตเลือกตั้ง รวม 29 คน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ปรากฏว่า บรรยากาศโดยรวมในช่วงเช้าถึงสาย มีผู้ไปใช้สิทธิบางตา เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นทั่วประเทศ เริ่มจากที่ จ.ลำปาง บรรยากาศช่วงเช้าไม่คึกคักเท่าที่ควร มีเพียงในหน่วยเลือกตั้งเขตเทศบาลนครเท่านั้นที่ดูคึกคัก เนื่องจากมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี เทศบาลนครลำปางด้วย โดยเฉพาะที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนเทศบาล 3 หน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เกิดเหตุวุ่นวายเนื่องจากประชาชนมีความสับสนหน่วยเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและหน่วยเลือกตั้ง ส.ส. ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดระเบียบทางเข้าออกใหม่ เนื่องจากมีการใช้อาคารร่วมกัน

จนท.ฉีกบัตร-คนแก่หย่อนผิด

เวลาประมาณ 10.30 น. เกิดเหตุผิดพลาดในการฉีกบัตรเลือกตั้งของเจ้าหน้าที่ หลังจากที่ผู้ใช้สิทธิเพื่อรับบัตรไปลงคะแนนแต่เจ้าหน้าที่กลับฉีกบัตรไม่ผ่านรอยปรุที่กำหนดไว้ ทำให้ส่วนที่เป็นตัวหนังสือบัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและตราครุฑขาดหายไป ต้องให้ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งโดยให้ใช้บัตรใบใหม่แทน และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานระบุบัตรที่ฉีกไม่สมบูรณ์เป็นบัตรคงเหลือ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการนับคะแนนภายหลัง

ส่วนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 79 และ 80 หมู่บ้านการเคหะ ต.พระบาท ผู้ใช้สิทธิหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปางโดยใช้สิทธิในหน่วยเลือกตั้งที่ 79 แต่ไปหย่อนบัตรลงในหีบบัตรของหน่วยเลือกตั้งที่ 80 เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกความผิดพลาดไว้แล้ว เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยเลือกตั้งมีพื้นที่ติดต่อกันมีเพียงเชือกกั้น ทำให้ผู้ใช้สิทธิซึ่งเป็นผู้สูงอายุเกิดความสับสนลอดเชือกกั้นระหว่างหน่วยไปหย่อนบัตรลงในหีบผิดพลาด

จ.ลำพูน แม้ทาง กกต.จังหวัดคาดหวังมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่า 75% เพื่อรักษาสถิติผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ เป็นครั้งที่ 7 แต่หลังเปิดหีบเลือกตั้งเวลา 08.00 น. บรรยายกาศไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร

บุรีรัมย์ไม่หวั่นหนาว-แห่ใช้สิทธิ

จ.บุรีรัมย์ แม้สภาพอากาศจะหนาวเย็นลงอย่างมาก แต่บรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 และเขต 4 ใน 10 อำเภอเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย อาทิ หน่วยเลือกตั้งที่ 10 หมู่ 10 บ้านสี่เหลี่ยมเจริญ ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ ประชาชนเข้าคิวรอลงคะแนนส่วนใหญ่เป็นผู้สูง อายุ และผู้ที่ต้องไปลงทำนาทำไร่จึงออกมาใช้สิทธิก่อน

หนุ่มพิการใช้ปากลงคะแนน

จ.ศรีสะเกษ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 17 เขตเลือกตั้งที่ 1 โรงเรียนรวมสินวิทยา อ.เมือง นายเฉลิมรัตน์ รัตนภักดิ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1013/2 ถนนวันลูกเสือ ต.เมืองใต้ อ.เมืองศรีสะเกษ หนุ่มพิการแขนขาลีบตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แต่จิตใจรักประชาธิปไตย ให้พ่อแม่และญาติพี่น้องอุ้มใส่รถเข็น 2 ล้อ มาใช้สิทธิ นายเฉลิมรัตน์ต้องใช้ปากคาบปากกาขีดเครื่องหมายกากบาทลงในช่องหมายเลขที่ตนเองเลือก จากนั้น คาบบัตรไปหย่อนในหีบลงคะแนน นายเฉลิมรัตน์กล่าวว่า แม้มีร่างกายพิการ แต่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมาตลอด ไม่เคยขาดแม้แต่ครั้งเดียว

แปดริ้ว-สระบุรี-อ่างทอง เหงา

จ.ฉะเชิงเทรา บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง มีประชาชนออกมารอใช้สิทธิบางตา ในแต่ละหน่วยเลือกตั้งมีผู้มารอใช้สิทธิเพียง 2-3 รายเท่านั้น เช่นเดียวกับที่ จ.สระบุรี ลมแรงอากาศหนาว ทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิบางตาในช่วงเช้ายันสาย ส่วนที่ จ.อ่างทอง ช่วงเช้ามีประชาชนไปใช้สิทธิน้อยมาก บางแห่งไม่มีผู้ไปใช้สิทธิ คาดว่าสาเหตุมาจากอากาศหนาวและติดธุรกิจส่วนตัว แต่ในช่วงบ่ายเริ่มมีประชาชนทยอยไปลงคะแนนหนาตาขึ้น

จ.ราชบุรี บรรยากาศการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างเงียบเหงา แต่ละหน่วยมีผู้มีใช้สิทธิบางตา เวลา 15.00 น. นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง เดินทางมาสังเกตการณ์เลือกตั้ง ที่หน่วย 12 และ 13 ที่วัดดอนตูม ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมเปิดเผยว่า ที่ จ.นครปฐม มีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าครั้งที่แล้วเพียงแค่ 50% เท่านั้น

ละโว้แจงหน่วยไร้คนใช้สิทธิ

จ.ลพบุรี บรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลพบุรี เขต 1 ไม่คึกคักเท่าที่ควร ยกเว้นหน่วยเลือกตั้งที่ 7-14 บริเวณโรงเรียนวัดตองปุ ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี ติดค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บรรยากาศคึกคักพอสมควร ทหารหน่วยต่างๆ ตบเท้าออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 6 ในโรงเรียนวัดตองปุ หลังเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง ไม่มีผู้มาลงคะแนนใช้สิทธิแม้แต่รายเดียว พล.อ.สาทร สุวรรณศรี ประธาน กกต.จว.ลพบุรี พร้อม พล.ต.ต.สถิตย์ ต้นสงวน ประธาน กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 1 ลพบุรีเข้าตรวจสอบสาเหตุที่ไม่มีผู้ลงคะแนนพบว่า มีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 193 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์แต่ได้ปลดประจำการไปแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ กกต.ทราบ

ชื่อ เติ้ง-ท็อป โดนขีดฆ่า

จ.สุพรรณบุรี ที่หน่วยเลือกตั้งหน่วยที่ 7 สมาคมชาวสุพรรณบุรี ถนนพระพันวษา ต.ท่าพี่เลี้ยง เขตเทศบาลเมือง ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย ส.ส.สุพรรณบุรี ลงคะแนนเลือกตั้งเป็นประจำทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ทั้งสองคนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี โดยเจ้าหน้าที่ใช้หมึกสีแดงขีดฆ่าชื่อทั้ง 2 คนในบัญชีผู้มีชื่อในลำดับที่ 34 และ 35 แล้วเขียนวงเล็บท้ายชื่อว่า ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง คงมีแต่ชื่อของ น.ส.ปาริชาติ ศิลปอาชา บุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook