นายกฯชี้สส.ที่ได้เพิ่มเพราะปชช.ต้องการให้ปท.พ้นแตกแยก

นายกฯชี้สส.ที่ได้เพิ่มเพราะปชช.ต้องการให้ปท.พ้นแตกแยก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(12ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่พรรคฝ่ายรัฐบาลได้เก้าอี้เพิ่ม ว่า ผลเลือกตั้งทีออกมาคงไม่ได้เป็นตัวชี้อายุของรัฐบาล และสิ่งแรกคือต้องขอแสดงความยินดีกับสิ่งที่ได้รับการเลือกตั้งที่ผ่านมา และขอขอบคุณประชาชนที่มีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง เพราะถือว่าเป็นกระบวนการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้าและต้องการเห็นความแตกแยกทั้งหลายลดลง การแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะเศรษฐกิจและเรื่องอื่นเดินหน้าอย่างรวดเร็วและราบรื่นที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากส.ส.เก่าและส.ส.ใหม่

จึงอยากจะขอเชิญชวนส.ส.ไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองไหนฝ่ายไหนอยากให้มาร่วมกันผลักดันสิ่งที่ตนจะนำเข้าสู่สภาใน 2 สัปดาห์แรกของสมัยประชุมนี้คือหนังสือสัญญาที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนและร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมหรืองบประมาณกลางปี จึงอยากจะเชิญชวนส.ส.ทุกพรรคให้มาช่วยกันสนับสนุนเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า จึงถือโอกาสนี้เชิญชวน ส.ส.ทุกคน และถือโอกาสแสดงความยินดีกับผู้แทนฯ ใหม่ทุกคน

// //

ต่อข้อถามที่ว่าผลการเลือกตั้งที่สะท้อนออกมาเป็นเพราะส่วนหนึ่งประชาชนเห็นผลงานของรัฐบาล ทำให้มีความหวังใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ขอวิเคราะห์การตัดสินใจของประชาชนแต่สิ่งที่สะท้อนออกมาคือทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบและเดินไปข้างหน้าและถือเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จะรับไม้ต่อ และตนจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.

ต่อข้อถามว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะเป็นแรงเหวี่ยงของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ขอวิเคราะห์ในรายละเอียด แต่คิดว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นการบอกว่าต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าทำงาน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องสนองตอบเจตนาตรงนั้น

ส่วนผลการเลือกตั้งในภาคเหนือและภาคอีสานสะท้อนให้เห็นภาพอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปสรุปอะไรเร็วเกินไป เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อมแต่คิดว่าโดยรวมผลการเลือกตั้งทุกภาคทั่วประเทศที่เกิดขึ้นส่งสัญญานให้ทุกฝ่ายพยายามก้าวให้พ้นจากการเมืองของความขัดแย้ง และต้องการให้มีการเมืองมาแก้ไขปัญหา ซึ่งการแก้ไขปัญหาตรงนี้คือการเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน

เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลมีโอกาสเปิดประตูภาคอีสานแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองต้องการมีผู้สนับสนุนทุกพื้นที่และตนได้ประกาศมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำงานให้กับคนทุกภาค เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองก็ต้องการทำงานให้กับคนทุกภาคเช่นเดียวกัน ดีกว่าแต่ละพรรคจะมาคิดว่าจะมาทำงานให้เฉพาะคนหรือเฉพาะกลุ่ม

เมื่อถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามคำพูดของ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสที่กล่าวว่ารถไฟขบวนนี้ไม่ได้หยุดที่สถานีทักษิณ แล้วและกำลังเคลื่อนขบวนเดินหน้าต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดทั้งหมด แต่คิดว่าประเทศไทยจะต้องเดินไปข้างหน้าและการเดินหน้าของประเทศวันนี้คือทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และทำให้สภาวะของการเมือง สังคม กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานีอะไรเพราะการหยุดอยู่กับที่เท่ากับเราถอยหลัง โลกปัจจุบันทุกคนพยายามเคลื่อนตัวไปข้างหน้าหากเราถอยหลังจะยิ่งเป็นการซ้ำเติม เดินไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่พอต้องเดินให้เร็วด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ส.ส.บางส่วนอาจจะไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานของสภาเพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อการการเลือกตั้งครั้งหน้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนแสดงออกผ่านการเลือกตั้งคือไม่อยากให้นักการเมืองคิดในกรอบแบบนี้ และอยากให้นักการเมืองคิดว่าขณะนี้บ้านเมืองถลำเข้ามาสู่จุดวิกฤตจึงต้องช่วยกันพาออกจากจุดวิกฤตให้ได้

เมื่อถามว่ามีความหวังมากน้อยแต่ไหนที่นักการเมืองจะคิดแบบนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีความหวังเสมอและยังเชื่อในกระบวนการประชาธิปไตย เชื่อในกระบวนการเลือกตั้งและเชื่อว่าพรรคการเมืองจะต้องสนองตอบเจตนารมย์ของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลมีแนวทางผลักดันการทำงานอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เร่งรัดนโยบายเร่งด่วนหากได้รับความร่วมมือจากเพื่อนส.ส.ภายในสิ้นเดือนนี้มาตรากรเศรษฐกิจที่สำคัญคงจะผ่านสภาในวาระ 1 และความพร้อมที่เกี่ยวกับข้อตกลงอาซียนต่าง ๆ ก็คงจะคลี่คลายได้ถือว่าเป็นงานสำคัญ เรื่องอื่น ๆ ก็จะง่ายขึ้นเพราะได้มีการวางฐานสำหรับการแก้ไขปัญหาหลัก ๆ ไว้แล้ว

เมื่อถามว่าวางแนวทางการทำงานระหว่างรัฐบาลและสภาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขณะนี้พยายามประสานกับฝ่ายค้านในเรื่องการทำงานแต่เนื่องจากฝ่ายค้านกำลังมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องตัวผู้นำฝ่ายค้าน ดังนั้นในระหว่างนี้จะใช้กลไกของคณะกรรมการประสานงาน (วิป)ที่มีอยู่แล้วและยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงจะมีการเคลื่อนไหวนอกสภาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วงเพราะคิดว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองและนักการเมืองมันมีขอบเขตในตัวมันเองอยู่แล้ว และการที่พรรคการเมืองจะมีการเคลื่อนไหวนอกสภาหรือจัดกิจกรรมก็สามารถทำได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและไม่มีความรุนแรง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากที่ผลการเลือกติ้งออกมามีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ปรับครม. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงคงไม่ใช่เหตุผลในการปรับครม.และพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจกันอยู่แล้วว่าโอกาสในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นอย่างไร ซึ่งมีการประเมินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่มีการจัดตั้งครม.แล้วและได้มีการพูดคุยหารือกับทุกพรรคแล้วตั้งแต่ตอนที่แต่งตั้งครม.จนถึงขณะนี้คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องปรับครม.และถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนครม.คงไม่ใช่เงื่อนไขในเรื่องตัวเลขการเลือกตั้ง แต่จะเป็นเหตุผลเรื่องของการทำงาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีประเด็นนั้น

เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวทางทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา และพยายามทำความเข้าใจเขาต้องการอะไร ซึ่งบางประเด็นเป็นเรื่องที่เราเห็นต่างกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่บางประเด็นที่เรียกร้องก็มีเหตุมีผล เช่น การปฏิรูปการเมืองซึ่งรัฐบาลก็พยายามสนองตอบและยืนยันว่าไม่ได้ขัดข้องกับการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญและภายใต้กฎหมาย แต่ไม่สามารถให้คนเหล่านั้นทำผิดกฎหมายได้ โดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายและการขัดขวางการรณรงค์หาเสียง ถ้าตรงนี้หมดไปทุกอย่างก็จะดีขึ้น

เมื่อถามว่าการที่กลุ่มเสื้อแดงไม่มีแกนนำที่ชัดเจนจะทำให้มีปัญหาการประสานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากลุ่มเสื้อแดงมีแกนนำ และแกนนำก็จะสามารถพูดคุยได้กับผู้สนับสนุน

ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขผลการเลือกตั้งที่ออกมาถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจในขณะเดียวกันก็มีเสียงแสดงความห่วงใยว่ารัฐบาลจะเหลิงอำนาจ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไม่มีการเหลิงอำนาจ ผมยืนยันได้แม้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มากกว่าฝ่ายค้านถึงขนาดที่เรียกว่าจะไปขัดขวางการตรวจสอบอะไรได้ และที่สำคัญที่สุดคือหลักคิดของคนที่มีอำนาจว่ายอมรับการตรวจสอบหรือไม่ ซึ่งผมได้วางเป็นแนวทางและหลักการที่ชัดเจนว่ารัฐบาลและรัฐมนตรีทุกคนจะต้องยอมรับการตรวจสอบ

เมื่อถามว่าแต่มีบางฝ่ายไม่เห็นด้วยกับบางมาตรการโดยเฉพาะเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขณะนี้มีการศึกษาโดยเฉพาะในประเทศที่เริ่มต้นแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว มาตรการที่ชัดเจนและได้ผลที่สุดคือมาตรการที่สามารถนำเงินไปใส่ในกระเป๋าประชาชนได้เร็วที่สุด แต่เราต้องมาพิจารณษว่าใครบ้างจะได้รับเงินตรงนี้ อย่างกรณีคนทำงานเราจะพิจารณาให้กับคนที่มีรายได้น้อย แต่ผู้สูงอายุเห็นว่าหลักสากล คนกลุ่มนี้ควรจะได้รับการดูแลเพราะไม่อยุ่ในวัยทำงาน ซึ่งหลักการของคนไทยคือการตอบแทนผู้สูงอายุที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศตลอดชั่วชีวิต ซึ่งเป็นมาตรการที่ทุกพรรคการเมืองหาเสียงตลอดแต่ไม่เคยมีใครทำให้เกิดขึ้นจริง

วันนี้ถึงเวลาที่เราต้องเริ่มต้นซึ่งในอนาคตรัฐบาลจะไม่ใช่เรื่องเบี้ยยังชีพเป็นกลไกหลักแต่จะพึ่งกลไกคนนอกประกันสังคมกับระบบราชการ คือการออมชุมชนคาดว่าจะเริ่มต้นได้ในต้นปีงบประมาณ 2553 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รายจ่ายที่รัฐบาลกำหนดทั้งหมดยังอยู่ในกรอบของการขาดดุลและการกู้ยืม ซึ่งไม่กระทบต่อวินัยทางการเงินการคลัง ซึ่งทั่วโลกก็เป็นลักษณะเดียวกันที่ในภาวะเศรษฐกินอย่างนี้รัฐบาลต้องยอมขาดดุลเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้น และเมื่อเศรษบกิจฟื้นรายได้ของรัฐบาลจะกลับมาเอง ตรงข้ามหากาเราลังเลที่จะยอมขาดดุลในช่วงนี้แล้วทำให้เสรษฐกิจซบเซาและถดถอย จะไม่แก้ปัญหาอะไรเลยเพราะปีหน้าเงินรายได้ของรัฐบาลจะยิ่งลดลงไปอีก

ต่อข้อถามว่าคิดว่าประชาชนจะเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลเมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้นจะมีมาตรการบางส่วนที่จะเริ่มเห็นผลได้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.นี้เป็นต้นไป

เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นการลบคำปรามาทที่ถูกกล่าวหาว่าทหารตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เสียงที่ได้มาขณะนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้เราทำงาน และรัฐบาลมีหน้าที่ตอบแทนประชาชน

ต่อข้อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมรัฐบาลถึงรู้ล่วงหน้าว่าจะได้เก้าอี้จำนวนเท่าไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ทำนายไว้ ก็เพราะตั้งแต่ผมมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคก็พยายามทำระบบข้อมูล และบังเอิญการเลือกตั้งในจังหวัดที่เราส่งสมัครล้วนแต่มีคะแนนเสียงของพรรคในระบบสัดส่วนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาดีมาก เช่นที่จังหวัดราชบุรีแม้เดิมจะเป้ฯที่นั่งของพรรคการเมืองอื่น แต่คะแนนสัดส่วนของพรรคได้มากเป็นแสน ๆเ สียง แต่ผู้สมัครได้เพียง 4-5 หมื่นคะแนน เราจึงเอาตรงนี้เป็นเกณฑ์ แม้แต่กรณีของจังหวัดลำพูน หรือลำปาง การพ่ายแพ้ในระบบสัดส่วนมีน้อยมาก จึงมีการปรับแนวทางในจุดนี้ คิดว่าผลการเลือกตั้งในหลาย ๆ จังหวัดก็สะท้อนจุดตรงนี้อยู่ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษใช้การทำงานเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยประกาศจองกฐินเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยเฉพาะกรณีที่มีน้องสาวของรัฐมนตรีคนหนึ่งมีหุ้นในบริษัทเอกชนและโอนเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ถือเป็นสิทธิ์ในการตรวจสอบและเมื่อถึงเวลาผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่จะต้องไปชี้แจง

วิเคราะห์เลือกตั้งซ่อมส.ส.อีสานมนต์แม้วคลาย-แดงโรยเพื่อไทยหด

ผลการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคอีสาน 10 เขต ใน 7 จังหวัด แม้ว่าอดีตพลังประชาชนที่ครองพื้นที่ภาคอีสานเดิมที่ถูกยุบ จะพยายามโหมหาเสียงปั่นกระแสนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook