เพื่อไทยฉุนปธ.รัฐสภาล่าชื่อประณามชัยลุแก่อำนาจ

เพื่อไทยฉุนปธ.รัฐสภาล่าชื่อประณามชัยลุแก่อำนาจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(31ธ.ค.) นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยมติมอบให้นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและคณะทำหนังสือประณามรัฐบาลและนายชัด ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จัดแถลงนโยบายรัฐบาลที่กระทรวงการต่างประเทศว่า หลังวันปีใหม่คงแล้วเสร็จและเปิดให้ส.ส.ลงชื่อรวมกันประณาม โดยเฉพาะนายชัย ที่ลุแก่อำนาจนัดประชุมนอกรัฐสภาโดยทำผิดข้อบังคับการประชุม ทำตัวเป็นลูกไล่รัฐบาล ไม่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนกรณีที่มีส.ส.เพื่อไทยเตรียมร่วมลงชื่อถอดถอนนายชัยออกจากตำแหน่งนั้น เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ยังไม่ถึงเวลา

นายไพจิต กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้งซ่อม โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นประชาชนยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ เป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ส่วนการเลือกตั้งซ่อมในภาคกลางและภาคเหนือนั้น เป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อมั่นว่าเราจะได้ส.ส.ประมาณ 20 ที่นั่งจากเลือกตั้งซ่อม 29 ที่ นั่ง จะทำให้จำนวนเสียงในสภาระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านใกล้เคียงกันมากยิ่งขึ้น การประชุมสภาแต่ละครั้งจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำให้องค์ประชุมครบ เราถึงจะร่วมมือทำงานในสภาด้วย ถ้าไม่ครบเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล เราไม่เกี่ยว ถึงตอนนั้นจะทำให้ส.ส.มีราคาค่างวดขึ้นมาอีก นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะทำการเมืองนอกสภาควบคู่ไปด้วย

// //

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีที่เปิดประชุมสภาผู้แทน ราษฎรสมัยสามัญทั่วไป นายไพจิตตอบว่า ขณะนี้มีหลักฐานที่มีน้ำหนักอภิปรายได้ 3 วัน 7 วัน โดยสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ทันที ทั้งนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย รมว.มหาดไทย ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในบริษัทซิโนทัย ที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ และยังมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกชายนายชวรัตน์ ที่มีเรื่องที่ไม่ถูกต้องต้องอยู่เยอะ โดยผู้ที่จะอภิปรายจะขุดมาหมดนั้นไปทำอะไรไว้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับนโยบายที่ใช้กำหนดนโยบายกระทรวงคมนาคม รวมถึงจะอภิปรายนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่จะอภิปรายในประเด็นการฉ้อฉล การทุจริต โดยเฉพาะโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4 พันคัน

นายไพจิตกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้จองกฐินนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯดูแลความมั่นคง และผู้จัดการรัฐบาล ในอดีตเคยถูกอภิปรายรื่องสปก. 4-01 เราจึงทราบเจตนาที่เข้ามาดูแลสำนักการตำรวจแห่งชาติว่าเป็นอย่างไร และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในประเด็นการจัดการหายุทโธปกรณ์ไม่โปรงใส พร้อมทั้งอภิปรายในประเด็นสำคัญการได้มาซึ่งอำนาจของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคนี้มีอุดมการณ์ต่อสู้เผด็จการ แต่กลับไม่ทำตามอุดมการณ์ เราจึงเตรียมอภิปรายชี้ให้เห็นประชาชนถึงไม่ชอบธรรม นอกจากนี้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ก็จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ที่ไม่มีความเหมาะสมโดยไปขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ แต่กลับได้เป็นรมว.ต่างประเทศ อย่าง

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมือใหม่กังวลเรื่องอะไรบ้าง นายไพจิตตอบว่า ขณะนี้มีวิกฤติเศรษฐกิจ และการสนธิกลุ่มเพื่อนเนวินเข้าไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลล้วนเป็นปัญหาของรัฐบาลทั้งหมด ความไว้เนื้อเชื่อใจกันไม่มี สุดท้ายจะหมดความอดทนอยู่ด้วยกันได้สักพักหนึ่ง ภายในในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีปัญหา ดังนั้นฝ่ายค้านไม่หวั่นวิตก จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด สื่อสารถึงประชาชนเห็นว่าเป็นการตั้งรัฐบาลขาดความสมบูรณ์เรื่องจริยธรรม และคุณธรรม

เมื่อรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ก็มีข้อสรุปของมันอยู่แล้วว่าอยู่ไม่ได้ ยกเว้นได้ยาดีแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ข้างประชาชนได้อย่างวินาศสันตะโร เราก็ต้องยอมรับ ถ้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ ความปรองดองเกิดขึ้นไมได้ มีการชุมนุม มีการคัดค้านเป็นสิทธิที่ทำได้ รัฐบาลก็ต้องเลือกเอาว่าจะอยู่หรือยุบสภา เพราะกฎแห่งกรรมมีอยู่จริง จากนี้ไปไม่ว่าคนในรัฐบาลไปที่ภาคเหนือ หรืออีสานจะต้องกลุ่มคนเสื้อแดงประท้วงทุกจังหวัดแน่ เหมือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไปเจอเหตุการณ์แบบนี้ที่จ.อุบลราชธานี นายไพจิตกล่าวทิ้งท้าย

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook