อภิสิทธิ์ลั่นปีหน้าสะสางคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

อภิสิทธิ์ลั่นปีหน้าสะสางคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(31ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์นิตยสาร ซีอีโอ มิดเดิล อีสท์ ว่าจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ว่า ไม่แปลกใจ พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิที่จะคิดได้ ถ้าอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายทุกอย่าง เพราะอายุก็ยังไม่มาก ดังนั้นถ้ากลับมายอมรับในเรื่องกฎหมาย และมีคุณสมบัติครบถ้วนเมื่อไร ก็มีสิทธิกลับเข้าสู่การเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณสะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองมีโอกาสปั่นป่วนอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าวิธีการหวนกลับคืนของพ.ต.ท.ทักษิณที่ดีที่สุดคือการยอมรับกฎหมายมากกว่าจะไปเคลื่อนไหวอะไร และทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหามากขึ้น นอกจากจะไม่ส่งผลดีให้กับบ้านเมืองแล้ว ยังไม่ส่งผลดีต่อพ.ต.ท. ทักษิณด้วย

// //

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าถูกต้อนให้จนมุมและจนตรอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ไปต้อนให้พ.ต.ท. ทักษิณจนมุม ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่พ.ต.ท.ทักษิณ

ถ้าเราคิดว่าเราทำผิดแล้วถูกตัดสินว่าผิด เป็นเรื่องของความไม่เป็นธรรม มันก็คงพูดกันยาก แต่ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความเป็นธรรม นายกฯ กล่าว

เมื่อถามอีกว่า ห่วงว่าจะเกิดขบวนการใต้ดินหลังจากนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าความเคลื่อนไหวก็คงจะมีอยู่บ้าง แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและรัฐบาลในการดูแลความเรียบร้อย สิ่งสำคัญคือถ้ารัฐบาลสามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้สำเร็จ ก็คิดว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ จะไม่ค่อยมีน้ำหนัก

ส่วนนโยบายในการดูแลและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของรัฐบาลในปี 2552 นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นคงจะให้เจ้าหน้าที่เร่งสะสางคดี และขณะเดียวกันได้ปรารภกับร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าไปดูว่าทำอย่างไรการบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ แต่สิ่งที่ย้ำเสมอคือต้องช่วยกันปกป้องด้วยการเทิดทูนให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทุกอย่าง ซึ่งจะเป็นวิธีปกป้องที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า จะต้องใช้งบประมาณ 500 ล้านบาทในการดูแลเหมือนที่รมว.ไอซีทีคนก่อนเสนอไว้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะเท่าที่ตรวจสอบ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการมากกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลขนาดนั้น

ตะลุยข่าว - 388 ศพสึนามิ...ยังไม่ได้กลับบ้าน

แม้พิบัติภัยสึนามิจะผ่านพ้นไปแล้ว 4 ปี ทว่าภาพความเสียหาย การล้มตาย และสูญหายไปของคนอันเป็นที่รัก ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเหมือนภาพฝันร้ายในคืนที่แสนยุ่งเหยิง หลายครอบครัวยังทำใจไม่ได้กับมหันตภัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และธุรกิจ เสียงหวีดร้องโหยหวนและร่ำไห้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ยังคงก้องอยู่ในมโนสำนึก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook