คลังมั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจโต2%

คลังมั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจโต2%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ย้ำแก้ปัญหาตกงานเหลือ 5 แสนคนกระทุ้งสถาบันการเงินลดดอกเบี้ย

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระ ตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 5 ด้านออกไปแล้ว และบริหารจัดการทุกมาตรการอย่างมีประสิทธิผล จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโต 2% ได้แน่นอน จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะโตเพียง 0% เท่านั้น และ เชื่อว่าการที่เศรษฐกิจโต 2% อาจส่งผลให้การว่างงานลดเหลือเพียง 500,000 รายเท่านั้น หรือ 2.5% ของแรงงานในระบบ จากที่คาดว่าจะว่างงานกว่า 1 ล้านราย โดยในส่วนที่สร้างงานได้ 500,000 รายนั้น จะมีเงินหมุนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจถึง 12,000 ล้านบาท และยืนยันว่ากระทรวงการคลังดำเนินนโยบายภายใต้กรอบวินัยทางการคลัง

การเพิ่มงบขาดดุลกลางปี 100,000 ล้านบาท จะส่งผลต่อจีดีพี 1% มาตรการทางภาษีทุก 10,000 ล้านบาทที่คืนให้เอกชนจะส่งผล 0.6% มาตรการกระตุ้นให้ธนาคารของรัฐปล่อยสินเชื่อวงเงิน 300,000 ล้านบาท จะส่งผล 0.2% มาตรการเร่งรัดการเงินจ่ายงบประมาณประจำปี 52 ทุก 25,000 ล้านบาท จะมีผล 0.1% และมาตร การเร่งรัดการลงทุนโครงการเมกะโปรเจคท์ระยะยาวทุก 25,000 ล้านบาท จะมีผล 0.1% จึง เชื่อว่ามาตรการทางการคลังที่ออกไปนี้จะมีผลทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นและลดการเลิกจ้างได้มากขึ้น โดย ที่ยังไม่ต้องใช้ก๊อก 2 ที่เตรียมไว้ก็ได้ ซึ่งเพดานการกุ่บันอยู่ที่ 620,000 ล้านบาท รัฐได้ทำแผนกู้เงินไปแล้วกว่า 500,000 ล้านบาท ยังเหลือวงเงินกู้ 90,000 ล้านบาท หากจำเป็นเร่งด่วนรัฐพร้อมกู้เงินในส่วนนี้แก้ปัญหา

ในการประชุม ครม.ที่ผ่านมารัฐได้ออกมาตรการหลายด้านช่วยเหลือภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการภาษีนั้น กำลังพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ ลดภาระให้ผู้ประกอบการ โดยจะนำเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 20 ม.ค.นี้ แต่ยืนยันว่าไม่ลดภาษีนิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในระยะนี้ เพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ส่วนการที่คณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลง 0.75% นั้น จะทำให้เอกชน มีต้นทุนการกู้ลดลง ทำให้กู้เงินมาขยายการลงทุนมากขึ้น แต่รัฐบาลต้องเร่งหาความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ

ผมยังเห็นว่าส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก (สเปรด) ขณะนี้ยังห่างกันมาก ดังนั้นผู้บริหารสถาบันการเงินควรกำหนดดอกเบี้ยให้เป็นธรรม ดอกเบี้ยเงินกู้ควรลดให้สอดคล้อง กับดอกเบี้ยระยะสั้น แม้ว่ากระทรวงการคลังเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ แต่ย้ำว่า เพื่อให้เกิดความอยู่รอดของทุกฝ่าย ธนาคารต้องลดภาระให้ลูกค้า เมื่อลูกค้าอยู่ได้ สถาบันการเงินก็ไม่มีปัญหาหนี้เสีย ขณะที่ผู้ฝากเงินจะมีส่วนต่างในการเสริมสภาพคล่องให้สถาบันการเงิับการปล่อยกู้ และที่ผ่านมาได้หารือกับผู้บริหารธนาคารไปบางส่วนแล้ว คิดว่าน่าจะเข้าใจเรื่องนี้

นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แนวโน้มการว่างงานปี 52 มีสูงขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยคาดการณ์ว่า ถ้าเศรษฐกิจไทยเลวร้ายเติบโต 0% จะมีผู้ว่างงานรอฤดูกาล รวมทั้งบัณฑิตจบใหม่ เกษตรกรที่หมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว 1.41% หรือเพิ่มขึ้น 3.7% แต่ถ้า จีดีพีขยายตัว 1% จะมีผู้ว่างงาน 1.26 ล้านคน หรือ 3.3% และถ้าจีดีพีโต 2% จะมีผู้ว่างงาน 1.11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.9%

ทั้งนี้ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ถือว่ารุนแรงเหมือนปี 41 ที่มีอัตราการว่างงาน สูงถึง 4% เนื่องจากจีดีพีขยายตัวติดลบ ซึ่งการ ปรับลดแรงงานอาจมีแนวโน้มลุกลามจากการลดชั่วโมงการทำงานไปสู่การลดการจ้างงาน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook