ธนชาตประกันภัยจีบลูกค้าแบงก์เข้าพอร์ต เน้นทำตลาดรถมือสอง/ออกสินค้าประหยัด

ธนชาตประกันภัยจีบลูกค้าแบงก์เข้าพอร์ต เน้นทำตลาดรถมือสอง/ออกสินค้าประหยัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ธนชาตประกันภัยวางกลยุทธ์ธุรกิจปี 2552 ปูพรมขยายฐานลูกค้าจากพอร์ตแบงก์ธนชาต โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ลูกค้าเงินฝาก เล่นหุ้นและลงทุนผ่านบลจ.ธนชาต ยึดพนักงานและเครือข่ายสาขาแบงก์รุกตลาดปีนี้ เน้นทำตลาดประกันรถมือสองแทนป้ายแดง เตรียมวางสินค้าใหม่เบี้ยประหยัด ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปีนี้ 3,520 ล้านบาท หรือโต 12% จากปีก่อน

นายนพดล เรืองจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด กล่าวถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจปี 2552 ว่า บริษัทมุ่งขยายตลาดลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่ผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ของธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก 100% โดยใช้ฐานลูกค้าสาขาของแบงก์ทั่วประเทศ 215 สาขา และพนักงานแบงก์ 3,000 คน เป็นฐานทำตลาดเต็มรูปแบบ เน้นบริการที่ง่ายและสะดวกเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ลูกค้า และเสนอขายสินค้าตามไลฟ์สไตล์

การขยายฐานลูกค้าปีนี้จะมุ่งให้พนักงานแบงก์ธนชาต นำเสนอขายประกันเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่ไม่ใช่พอร์ตเช่าซื้อ เช่น ลูกค้าเงินฝาก เล่นหุ้น หรือลงทุนผ่านบลจ.ธนชาต โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Generations) ที่กำลังสร้างความมั่นคงในชีวิต

ในส่วนของกลยุทธ์การตลาด บริษัทได้ปรับแผนประกันมอเตอร์ โดยหันมาทำตลาดรถมือสอง (Used Cars) เป็นหลัก เพราะยังเติบโตได้จากการที่ความต้องการใช้รถเปลี่ยนจากรถใหม่ป้ายแดงเป็นรถมือสอง และบริษัทสามารถเสนอเบี้ยที่แข่งขันและทำกำไรได้อยู่ เนื่องจากรถกลุ่ม 2-3 ปีราคา 400,000-800,000 บาท ถึงแม้ว่าเบี้ยจะสูงกว่ารถป้ายแดง 20% หรือคิดเบี้ยประมาณ 18,000-20,000 บาทต่อปี แต่สามารถยืดหยุ่นได้ เมื่อเทียบกับรถใหม่ป้ายแดงซึ่งปีที่แล้วปรับขึ้นเบี้ยไปแล้ว 20% ทำให้ขยายตลาดได้ยาก

ขณะเดียวกันจะรักษาฐานลูกค้าเก่าด้วยการจัดกิจกรรมสื่อสารตลาด(CRM) ในลักษณะ Loyalty Program สร้างมูลค่าเพิ่มจากการทำประกันภัยธนชาตสำหรับลูกค้าดีไม่มีเคลม คาดว่าจะทำให้อัตราเบี้ยต่ออายุเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 40% เพิ่มเป็น 50%

ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมโต 12% หรือมีเบี้ยประกันรับรวม 3,520 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีเบี้ยประกันรับรวม 3,150 ล้านบาท โดยเฉพาะการสร้างเบี้ยผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ที่คาดว่าจะเติบโตถึง 20% จากปีก่อนซึ่งประสบความสำเร็จจากการสร้างเบี้ยผ่านช่องทางดังกล่าวคิดเป็น 90% ของเบี้ยรับรวม (เบี้ยรับรวม 3,150 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันมอเตอร์ 86% นอนมอเตอร์ 14%) ขณะที่เป้าหมายสัดส่วนเบี้ยประกันมอเตอร์ในปีนี้อยู่ที่ 85% (หรือโต 10% จากปีก่อน) และนอนมอเตอร์อยู่ที่ 15% (โต 15% จากปีก่อน)

นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าใหม่ที่เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ โดยปรับลดเบี้ยให้ประหยัดเทียบเท่าประกันธนชาต 2 + (เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 7,900 บาทต่อปี) แต่ขยายความคุ้มครองเพิ่มใกล้เคียงประเภท 1 คาดว่าจะเริ่มทำตลาดเร็วๆ นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของคนที่ลดลงด้วย คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเบี้ยประกันจากพอร์ตรถมือสองเติบโต 15% จากปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 730 ล้านบาท โดยที่เบี้ยรับรวมประกันภัยมอเตอร์อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท แบ่งเป็นพอร์ตรถใหม่ 1,100 ล้านบาท ต่ออายุ 750 ล้านบาท และการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) อีก 150 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์ 300,000 ราย

อนึ่ง บริษัทธนชาตประกันภัยฯ มีทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 หลังการเพิ่มทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท เมื่อตุลาคม 2551 และอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ที่ 194% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook