บลจ.กระพือกองทุนตลาดเงิน > ชี้เหมาะเป็นที่พักเงิน-รับดอกเบี้ยขาลง/ชูซื้อขายได้ทุกวัน-ไม่ต้องเสียภาษี
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ผู้ออมเงินในระบบเงินฝาก และนักลงทุนที่อยู่ระหว่างรอลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ สามารถนำเงินมาพักไว้ที่กองทุนรวมประเภทกองทุนตราสารตลาดเงิน หรือมันนี่ มาร์เก็ต ที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน เพราะบางกองทุนจะได้รับผลกระทบน้อยจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลง
ยกตัวอย่าง เช่น กองทุนเปิดทหารไทยธนบดี มีสัดส่วนการลงทุนในตั๋วเงินคลัง 30-40 % และที่เหลือ 40-50 % เป็นเงินฝาก และลงทุนในตั๋วเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ด้วยบางส่วน ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตั๋วเงินคลัง 100 % ซึ่งผลตอบแทนจะปรับลงตามอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี ในอัตราที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด ส่วนกองทุนเปิดทหารไทยธนบดีจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าประมาณ 0.25-0.3 %(ดูตารางประกอบผลตอบแทนกองทุนตราสารตลาดเงิน )
คาดว่าดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์/พี 1 วัน) มีโอกาสลดลงอีกจนทำให้เหลือ 1.5 % จากล่าสุด(14 ม.ค.52) ที่ลดลงไปแล้ว 0.75 % เหลือ 2.00 % และคาดว่าน่าจะสิ้นสุดการลดดอกเบี้ยไตรมาส 2 นี้ นางโชติกา กล่าว
พร้อมประเมินว่า เงินลงทุนที่จะไหลเข้ากองทุนตลาดเงิน น่าจะเป็นช่วงสั้น ๆเพื่อเป็นที่พักเงินเท่านั้น และเมื่อนักลงทุนมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่น่าสนใจกว่า อาทิ กองทุนประเภทตราสารหนี้อายุ 3-6 เดือนจนถึง 1 ปี รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ( FIF ) เชื่อว่าประมาณ 1-2 เดือนน่าจะเริ่มมีทยอยถอนเงินออก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้แบบมีอายุ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมถึงการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ที่ให้ผลตอบแทนสูง 3-5 % ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 3-5 ปีเป็นต้น
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ. บัวหลวงฯ กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.75% อาจจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทยอยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้มีเงินออมเพราะผลตอบแทนสุทธิหลักหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% จะลดน้อยลงไปอีก แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนสุทธิปัจจุบันจากการลงทุนยังดีกว่าผลตอบแทนสุทธิของเงินฝาก
การที่ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ก็เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระหว่างที่ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมีมากจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้มีเงินออมที่ฝากเงินไว้กับธนาคารต่างๆ ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี ได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมีผลตอบแทนที่จูงใจให้ลงทุน เมื่อเทียบกับผลตอบแทนสุทธิของเงินฝากที่จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15%