ปตท.เซ็งรัฐเบรกขึ้นเอ็นจีวี-รื้อแผนลงทุน

ปตท.เซ็งรัฐเบรกขึ้นเอ็นจีวี-รื้อแผนลงทุน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) ว่า ปตท.ต้องยอมรับนโยบายของรัฐที่ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งในปีที่ผ่านมาปตท.มีภาระจากการนำเข้าแอลพีจีไปแล้วถึง 8,000 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากการนำเข้าแอลพีจีปีนี้จะสูงถึง 5-6 แสนตัน จากขณะนี้ที่นำเข้ามาแล้ว 4 แสนตัน ส่วนในเรื่องเอ็นจีวีนั้นในปีที่ผ่านมา ปตท.แบกรับภาระไปแล้วถึง 5,000 ล้านบาท หรือรวมก๊าซ 2 ชนิดปตท.รับภาระถึง 13,000 ล้านบาท

นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อราคาเอ็นจีวีไม่ได้ปรับขึ้น ปตท.คงต้องปรับแผนการขยายปั๊มเอ็นจีวีใหม่ เพราะขณะนี้ขายขาดทุน 4 บาท/ก.ก. ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับลดลงทำให้รถยนต์ที่จะมาใช้เอ็นจีวีลดจำนวนลง โดยเฉพาะรถบ้านทั่วไป จะเหลือเพียงรถแท็กซี่และรถบรรทุกเท่านั้นที่ยังสนใจ

คาดว่าในปี52 ธุรกิจเอ็นจีวีของปตท.จะขาดทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เพราะปริมาณการใช้จะมากกว่าปีที่ผ่านมาตามปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมปตท.มีแผนจะลงทุนในธุรกิจนี้ประมาณ 7,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีปั๊มเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นอีก 100 แห่งมาอยู่ที่ 380-400 แห่ง และมีรถยนต์มาใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นคันมาอยู่ที่ 1.6 แสนคัน เมื่อนโยบายในเรื่องเอ็นจีวีออกมาอย่างนี้ คงต้องปรับแผนในเรื่องเอ็นจีวีใหม่ทั้งหมด นายจิตรพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กพช.เคยมีมติให้ปตท.ปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท/ก.ก. เป็น 12 บาท/ก.ก. หรือไม่เกิน 50% ของราคาดีเซลในปี52 แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. กพช.ให้ชะลอการปรับขึ้นราคาอย่างไม่มีกำหนด เพราะไม่ต้องการซ้ำเติมประชาชนในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook