แพทย์รามาฯ เผยผลการตรวจสารในแก๊สน้ำตา

แพทย์รามาฯ เผยผลการตรวจสารในแก๊สน้ำตา

แพทย์รามาฯ เผยผลการตรวจสารในแก๊สน้ำตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(4 ธ.ค.) ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี กล่าวชี้แจงกรณีแก๊สน้ำตาที่ใช้ในการสลายการชุมนุมทางการเมืองว่า ตามปกติของแก๊สน้ำตา (tear gas) มีลักษณะเป็นฝุ่นผงขนาดเล็กและเมื่อได้รับแรงอัดก็จะแพร่กระจายเป็นฝุ่นควันซึ่งไม่มีอันตรายต่อร่างกายแต่จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุตาจมูก ปาก ผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นหรือประมาณ 10-30 นาที ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว

ส่วนที่พบว่าในการสลายการชุมนุมมีสารสีม่วงอยู่ในเหตุการณ์นั้น จากการเก็บตัวอย่างของเหลว จากผู้บาดเจ็บร่วมวชิรพยาบาล นำมาตรวจวิเคราะห์หาค่าความเป็นกรด-ด่าง พบว่าเป็นเพียงสีม่วง ผสมร่วมกับผงฝุ่นของแก๊สน้ำตา และมีค่าเป็นกลาง วัดได้ 7 ph เท่านั้น ไม่ใช่กรดหรือกำมะถันอย่างที่ประชาชนเข้าใจ

โดยวิธีขจัดสารดังกล่าว เหมือนแก๊สน้ำตาทั่วไปที่ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที เพราะหากทิ้งไว้นานอาจเกิดอาการพุพองของผิวหนัง แต่กรณีที่ได้รับผงฝุ่นของแก๊สน้ำตาจะใช้วิธีปัดออกก่อนที่จะมีการล้างน้ำสะอาด แต่เนื่องจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง มีการเติมด่างลงไปในน้ำ หวังขจัดค่าความเป็นกรดของสารเคมีที่ได้รับ กลับทำให้เพิ่มฤทธิ์อาการแสบคันรุนแรง ไม่แตกต่างกับแก๊สน้ำตา ส่วนสีม่วงที่พบไม่สามารถระบุได้ ต้องสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังระบุว่าไม่เคยพบกรณีใช้น้ำผสมผงของแก๊สน้ำตา ในการสลายการชุมนุมมาก่อน เพราะยิ่งเสื้อชุ่มน้ำที่มีสารผสม และปล่อยทิ้งไว้นาน ฤทธิ์จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook