ดีเอสไอสั่งอายัดบัญชีสุเทพกับแกนนำผู้ชุมนุมรวม18คน รับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ

ดีเอสไอสั่งอายัดบัญชีสุเทพกับแกนนำผู้ชุมนุมรวม18คน รับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ

ดีเอสไอสั่งอายัดบัญชีสุเทพกับแกนนำผู้ชุมนุมรวม18คน รับข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ได้มีมติให้คดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดหลายฐานความผิดต่างกรรมต่างวาระอันสืบเนื่องจากการชุมนุมในนาม กปปส.เป็นคดีพิเศษ ซึ่งรวมถึงตัวการร่วม ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุน ตลอดจนกลุ่มทุนที่สนับสนุน หรือท่อน้ำเลี้ยง 

วันที่ 18 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวหลังการประชุมพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการเพื่อวางแนวทางในการสอบสวนคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่มประชาชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) พร้อมพวกว่า การประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น ที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนดังนี้

1.ออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมอีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาล (บชน.) ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน โดยจะส่งหมายเรียกให้มีผลตามกฎหมายทันทีในวันที่ 19 ธันสาคม หากไม่มาตามนัด จะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที

2.ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน เนื่องจากศาลได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพและให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำอีก 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหา บุคคลทั้ง 18 คน ดังกล่าวจึงอยู่ในข่ายผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มีมูลเบื้องต้นจากการถูกออกหมายจับ และหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนแล้ว จึงมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีเหตุน่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในการจะใช้พิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ตามที่พนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ดำเนินการเบื้องต้น

ดีเอสไอจึงออกคำสั่งตามอำนาจมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 แจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชีนายสุเทพ และแกนนำรวม 18 คน ทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้นๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด โดยจะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคารในวันที่ 19 ธันวาคม

นายธาริตกล่าวอีกว่า การสั่งอายัดบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คน จะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีที่แกนนำ กปปส.ได้ประกาศไว้ให้เป็นบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุม พบมี 2 บัญชี การอายัดบัญชีและตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน ดีเอสไอก็ดำเนินการเป็นปกติในคดีความผิดของคดีอื่นๆ เป็นปกติอยู่แล้ว

คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีแกนนำทั้ง 18 คน และบัญชีรับบริจาคอีก 2 บัญชีนี้ จะทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงินและจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่านบัญชีแกนนำและบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสอบทานกับข้อมูลกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงที่ตำรวจร่วมกับดีเอสไอตรวจสอบไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

"ขอแจ้งเตือนให้กลุ่มทุนหรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือนเช่นนี้แล้ว หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุนหรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน การสั่งอายัดบัญชีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในสมัยการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ที่มีการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งอายัดแบบเหวี่ยงแหบัญชีกลุ่ม นปช.กว่า 300 บัญชี แต่มาวันนี้เป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ และใช้รายชื่อตามที่มีการเสนอขอศาลออกหมายจับ"

ส่วนมาตรการที่ 3 ออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอได้ดำเนินการร่วมกันมาพบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป จะเริ่มดำเนินการทันที

สำหรับรายชื่อดีเอสไอต้องออกหมายเรียกรวม 17 คน นัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากลุ่มแรกวันที่ 26 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ประกอบด้วย 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 2.นายชุมพล จุลใส 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายอิสสระ สมชัย 5.วิทยา แก้วภราดัย 6.นายถาวร เสนเนียม 7.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 8.เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 9.น.ส.อัญชลี ไพรีรัก

กลุ่มที่ 2 ในส่วนวันที่ 27 ธ.ค.เวลา 14.00 น.ประกอบด้วย 10.นายนิติธร ล้ำเหลือ 11.นายอุทัย ยอดมณี 12.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 13.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 14.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 15.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 16.พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ17.นายสมบูรณ์ ทองบุราญ

โดยข้อกล่าวหาของแกนนำทั้ง 17 คน คือ "ร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook