ชูวิทย์ ตัดสินใจสมัครส.ส. ย้ำเลือกตั้งคือทางออก

ชูวิทย์ ตัดสินใจสมัครส.ส. ย้ำเลือกตั้งคือทางออก

ชูวิทย์ ตัดสินใจสมัครส.ส. ย้ำเลือกตั้งคือทางออก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(23 ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊ก "ชูวิทย์ I'm No. 5" เกี่ยวกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 โดยได้ตัดสินใจแล้วว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะบ้านเมืองต้องมีกฎกติกาใช้ยึดถือ เพื่อให้ทุกคนในสังคมปฏิบัติตาม และการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคนไทย แม้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด แต่ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง และนำไปปฏิบัติ หากพรรคการเมืองได้คะแนนเสียงมากกว่าโนโหวต นายสุเทพก็ควรเลิกม็อบกลับบ้าน พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยระบุข้อความดังนี้...

"ผมได้ไตร่ตรองถึงการลงเลือกตั้งครั้งนี้อย่างถี่ถ้วน ว่าจะลงหรือไม่ลง?

หากผมไม่ลงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมอยู่ฝั่งคุณอภิสิทธิ์ หรือ กปปส. หรือไปสนับสนุนให้คุณอภิสิทธิ์กระทำการนอกกติกา เพราะผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้

การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง และคุณอภิสิทธิ์บอกว่า "พรรคที่ลงเลือกตั้งกลายเป็นผู้ต่ออายุให้ระบอบทักษิณ" ถือเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว ยกตนข่มท่าน แบ่งแยกประชาชน ยกตัวเองเป็นเทพ และให้พรรคอื่นเป็นมาร พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีวิสัยมองผู้ที่คิดต่างจากตัวเองเป็นศัตรูเสียหมด เพราะในระบอบประชาธิปไตย ย่อมต้องรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่นำเอาความคิดเห็นของตัวเองมาตัดสินว่าถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว สามารถทำงานร่วมกับผู้คนหลากความคิด หลายอุดมการณ์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่นำเอาความคิดเห็น หรืออุดมการณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ บดบังเหยียดหยามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองไปเสียหมด

แต่หากผมลงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมไปต่ออายุให้ระบอบทักษิณแต่อย่างใด แม้ว่าผมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการโดยใช้เสียงส่วนมากหาประโยชน์ให้กับตัวเอง มองข้ามศรัทธาของประชาชน ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่มีมากเกินไป สร้างความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่โต้แย้ง กลับเข้าข้างเห็นดีเห็นงาม คาดหวังผลประโยชน์ต่างตอบแทน ช่วยหนุนรัฐบาลให้กระทำการหยามต่อความเชื่อมั่นของประชาชนให้ลดน้อยถอยลง

แต่ผมเห็นว่าบ้านเมืองต้องมีกฎกติกาใช้ยึดถือ เพื่อให้ทุกคนในสังคมปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นจะถือว่าการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ได้อย่างไร? แม้ว่าการเลือกตั้งไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด แต่อย่างน้อยยังได้ฟังเสียงของประชาชนซึ่งเป็นเสียงส่วนมากที่มีอำนาจอย่างแท้จริง เราไปคิดแทนประชาชนทั้งหมดไม่ได้ เพราะท้ายสุดนักการเมืองเป็นเพียงตัวแทน ไม่ใช่เจ้านายที่จะไปสั่งการ เราจึงต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง และนำไปปฏิบัติ

ผมจึงตัดสินใจว่าควรลงเลือกตั้ง แม้จะรู้ดีว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ อาจเกิดความวุ่นวายตั้งแต่วันรับสมัครไปจนถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ผมจำเป็นต้องรักษากฎกติกาของบ้านเมืองเอาไว้ จะทำตามอำเภอใจฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ได้

หากท้ายสุด ผลการเลือกตั้งออกมาว่าประชาชนโหวตโนมากกว่า คุณสุเทพและคุณอภิสิทธิ์สามารถนำเอาความชอบธรรมจากคะแนนนี้ ไปอ้างอิงว่าเป็นเสียงส่วนมากอย่างแท้จริง ที่ต้องการให้คุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพนำการปฏิรูปตามที่เสนอ

แต่หากคนมาลงคะแนนเสียงมากกว่า โดยเลือกพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ คุณอภิสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง และคุณสุเทพสมควรเลิกม็อบกลับบ้าน

มันเป็นวิถีทางเดียว ที่จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook