วันที่ 3 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีการปล่อยข่าวให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ขอให้แกนนำ กปปส. หยุดปลุกระดมสร้างความเกลียดชังเจ้าหน้าที่ตำรวจบนเวทีปราศรัย ทั้งนี้ ขอให้สังคมรับฟังคำชี้แจงของ ศอ.รส. ในเรื่องชายชุดดำด้วย ทั้งนี้ การที่ ศอ.รส. ออกมายอมรับว่าบุคคลที่อยู่บนหลังคากระทรวงแรงงานและบุคคลในคลิปภาพการเคลียร์รถยนต์รอบพื้นที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็ไม่ได้แปลว่า ตำรวจมีเจตนาทำร้ายผู้ชุมนุม อย่างที่มีการกล่าวหาบนเวทีปราศรัยของ กปปส. แต่อย่างใด ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าภาพเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเคลียร์รถยนต์ในพื้นที่ๆ มีเหตุการณ์วุ่นวาย อาจจะดูน่าตกใจ แต่ต้องอย่าลืมว่า ตามหลักความเป็นจริงแล้ว บุคคลทั่วๆ ไปย่อมรู้ดีว่า ไม่ควรจะเข้าไปเพ่นพ่านในพื้นที่ดังกล่าว เพราะอาจได้รับอันตราย เนื่องจาก สถานการณ์ไม่ปกติมาหลายวันแล้ว แม้แต่ ผู้บริหารของ กกต. ยังต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์หนีออกมาจากพื้นที่ เป็นข่าวรับรู้ไปทั่วประเทศ และแม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ถูกคุกคามและถูกทำร้าย เพราะ การ์ด คปท. ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น มันก็ยากที่แยกแยะว่าใครเป็นใคร และในวันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ถูกยิงเสียชีวิต จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ที่สำคัญ ดังนั้น ขอให้มองเจ้าหน้าที่อย่างเป็นธรรมว่า ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้ชุมนุมและไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นศัตรู แต่ต้องควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบเรียบร้อยเท่านั้น และตำรวจก็มีความบริสุทธิ์ใจ เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายและคลิปแล้ว พบว่าบุคคลในภาพเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ออกมาชี้แจงให้สังคมรับทราบ
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการยิงปืนหน้าบ้าน นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จังหวัดตรังนั้น พรรคเพื่อไทย (พท.) และรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เพราะเราเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา และเมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้สมัครส.ส.ของพท.ในภาคใต้ ก็ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ที่บ้านด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังถูกคุกคามความปลอดภัยเพื่อขัดขวางไม่ให้สมัครรับเลือกตั้งอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุจากอะไรและ เป็นฝีมือของใคร แต่เราก็เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะยังเป็นที่พึ่งของทุกฝ่ายได้
"ขณะนี้การชุมนุมของกปปส. ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากพอแล้ว โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ความตึงเครียดทางการเมืองจากสถานการณ์ชุมนุมของ กปปส.ได้ทำให้หุ้นตกกว่า 67 จุด และลดตัวเลขประมาณการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลง จนนักลงทุนต่างชาติได้ทยอยขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอให้แกนนำ กปปส.หยุดพูดเรื่องการยึดประเทศไทยด้วยการปิดถนน หรือประกาศตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการ และบ้านพักรัฐมนตรีได้แล้ว เพราะจะทำลายบรรยากาศการค้าและการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของทั้งคนจนและคนรวย รวมทั้งจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน หากมีใครเจ็บป่วย จะเดินทางไปพบแพทย์ได้อย่างไร แล้วการที่ตำรวจต้องแบ่งกำลังมาควบคุมการชุมนุม ก็อาจทำให้ เจ้าหน้าที่ดูแลปัญหาโจรผู้ร้ายในคดีอาชญากรรมอื่นๆได้ไม่ทั่วถึง อยากถามว่า เหตุใด นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.จึงเห็นดีเห็นงามด้วยกับการยึดประเทศของกปปส. ทั้งๆที่จะอาจทำให้ประเทศพังพินาศอยากถามว่า คนไทยต้องยอมให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายอภิสิทธิ์คนใดคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนใช่หรือไม่พวกท่านถึงจะเลิกสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ"