คำต่อคำ ปราศรัยล่าสุด แตงโม ภัทรธิดา ชาวเน็ตวิพากษ์!

คำต่อคำ ปราศรัยล่าสุด แตงโม ภัทรธิดา ชาวเน็ตวิพากษ์!

คำต่อคำ ปราศรัยล่าสุด แตงโม ภัทรธิดา ชาวเน็ตวิพากษ์!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (18 ม.ค.) บรรยากาศการชุมนุมของมวลชนกลุ่ม กปปส. ตามเวทีปราศรัยใหญ่ทั้ง 7 จุด เป็นไปอย่างคึกคัก ยังคงมีประชาชนเข้าร่วมฟังปราศรัยและทำกิจกรรมช่วงกลางคืนในหลายจุด แต่ไฮไลท์ประจำวัน กลายเป็นการขึ้นปราศรัยครั้งล่าสุดของดาราสาว แตงโม ภัทรธิดา บนเวทีแยกปทุมวัน ที่ออกมาแสดงความเสียใจกับเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนถนนบรรทัดทอง จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต รวมทั้งกล่าวโจมตี นายกรัฐมนตรีอย่างดุเดือด จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อีกตามเคย

แตงโม ภัทรธิดา กับ คุณพ่อ ได้ขึ้นเวทีแยกปทุมวัน เพื่อขึ้นปราศรัยในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. เริ่มแรก พ่อโส ได้แต่งกลอนเสียดสีฝ่ายรัฐบาลให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฟัง ก่อนที่ สาวแตงโม จะเริ่มกล่าวปราศรัย โดยบอกว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบนถนนบรรทัดทอง ทำให้อาการป่วยโรคหวาดระแวงกำเริบ การขึ้นเวทีครั้งนี้อาจจะเป็นการบำบัดหรือระบาย เพื่อให้อาการป่วยของตัวเองทุเลาลง

"สำหรับโมนะคะ เรื่องที่อยากพูดคือเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวานคะ เรื่องของคุณลุงประคอง เมื่อวานเป็นวันพักของโม โมไม่ได้ออกมาร่วมกับพี่น้องประชาชน นอนดูบลูสกายอยู่ที่บ้านตั้งแต่ตื่นนอนถึงช่วงที่ลุงกำนันขึ้นมาพูดบนเวที โมมีโรคประจำตัว ซึ่งนานๆ จะเป็นทีนะคะ คือโรคหวาดระแวง เมื่อมีเรื่องอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นมา มือสั่น เท้าชา ใจสั่น คือโมดูถ่ายทอดสดทั้งวัน ทำให้โรคของโมเกิดกำเริบขึ้นมา"

"หลายๆ คนคงจะรับไม่ได้คะ ไม่ว่าใครเป็นผู้ชุมนุมก็ตาม แต่เราเป็นผู้ถูกกระทำทุกครั้ง เขาชุมนุมก็โดน เราชุมนุมก็โดน จิตใจของคนชั่ว ก็คอยคิดแต่จะรังแก ไม่มีเหตุผลหรือกฎหมายช่วยได้ มันก็ใช่วิธีสกปรก วันนี้ขออนุญาตหลุดพูดคำหยาบออกไปนะคะ เพราะมันไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่พี่ปองสอนมาว่า ให้เราพูดเพราะๆ เราเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่ อ.ไตรรงค์ บอกว่า หม่อมพ่อสอนมาว่าให้ด่ามันเลย วันนี้ก็เลยมีเรื่องจะพูดเกี่ยวกับ อีฆาตกร ค่ะ"

สาวแตงโม เริ่มกล่าวปราศรัยอย่างดุเดือดว่า "อีฆาตกรผู้หญิง ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดมาเป็นผู้หญิง มีจิตใจโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ มีลูก มีครอบครัว ไม่รู้จะนำพาครอบครัวไปในทางที่ดีได้อย่างไร หนูเองเป็นคนที่อายุน้อยกว่า การศึกษาก็ไม่ดีเท่า ไม่ได้จบปริญญาตรี จบแค่วิชาชีพผู้ช่วยพยาบาล แต่มึงจบสูงมาก แต่จิตใต้สำนักมึงไม่มีเลย มึงฆ่าคน มึงไม่มีหัวใจ"

"แม่ครับ ไปป์ไปโรงเรียน เพื่อนไปป์ถามว่าแม่ฆ่าคนจริงหรือเปล่าครับ? มึงจะต้องโกหกลูกมึงไปอีกกี่ปีกี่ชาติ ตอนนี้ลูกมึงไม่มีที่ยืนแล้ว ทำอะไรก็สงสารลูกบ้างนะคะ เมื่อวานนี้สิ่งที่มึงทำคืออะไร ที่เกิดเหตุห่างจากสถานีตำรวจไม่ถึงกิโลเมตร มันเกิดขึ้นได้ยังไง วันนี้ออกมาแถลงข่าวว่าเป็นปืนบีบีกัน 'บีบีกันพ่อมึง..ทำคนตาย!' น้ำตาของคุณวสุ ยังไม่ทันแห้ง มึงเอาอีกแล้ว? ต่อไปไม่รู้ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ จะต้องเสียอีกกี่ชีวิต ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันกับหนู แต่ก็คนไทยเหมือนกันหรือเปล่า"

แตงโม ยังได้ปราศรัยเสริมอีกว่า "เคยคิดบ้างไหมว่า ประเทศที่เขายอมรับว่าเรามีพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ที่คนไทยรักและนับถือไปทั่วโลก แต่มึงมีรายชื่อติดเป็นคนเลวอันดับโลกได้ บอกตรงๆ ว่า กูโคตรอายคนเลย อายมาก สิ่งที่ดีๆ ที่คนไทยพยายามทำ ให้ไม่แพ้ชาติใดในโลก มึงก็ถ่วงจังเลย ไม่รู้จะถ่วงไม่ถึงไหน"

"แม่ครับ แม่เป็นตัวถ่วงประเทศไทยจริงไหม? ตอบลูกได้ไหม? ลุงเป็นคนสั่งแม่ใช่ไหมครับ? มึงโกหกกันไปทั้งตระกูล มึงไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบอก รับไม่ได้แล้วกับการกระทำของอีฆาตกรคนนี้ โมคิดว่าการออกมาพูดแบบนี้ อาจทำให้โรคของโมหายได้บ้าง อาจเป็นการระบายอย่างหนึ่ง คือเห็นแบบนี้ เราก็อยากจะขอกราบไหว้ให้มันออกไปสักที ออกไปสักทีเถอะคะ วันหนึ่งคุณก็ต้องออก ไม่ช้าก็เร็ว ถึงจะไม่มีเรามานั่งกันเลยสักคน แต่เมื่อคุณไปลงพื้นที่ก็มีแต่คนโห่ไล่คุณ นักข่าวมาทำข่าวไม่อายเขาหรือ? ออกไปสักทีเถอะ"

"ขอร้อง... อย่าให้เด็กอย่างหนู หรือเด็กเล็กๆ อายุน้อยกว่าลูกคุณ ออกมาไล่แล้วไล่อีก จิตใต้สำนึกมีสักที รีบเก็บกระเป๋า ยกมือพนมไหว้ขอโทษในหลวง ขอโทษคนไทย ขอโทษประเทศไทย ไม่กล้าพูดก็พูดในใจก็ได้ เผื่อจะพอบรรเทาบาปกรรมที่คุณเคยทำเอาไว้ ขอโทษทุกชีวิตที่ต้องเสียเพราะน้ำมือของมึง ขอโทษเขา แล้วรีบออกไปไกลๆ ยังไงก็ได้"

"มันมีตลกปนอายอยู่หนึ่งเรื่องคะ นักข่าวออสเตรเลียมาสัมภาษณ์โมเกี่ยวกับเรื่องจุดยืนทางการเมือง เขาถามว่า ทำไมไม่สนับสนุนรัฐบาล โมก็เล่าไปต่างๆ นานา แต่เหตุผลหนึ่งที่เล่าให้เขาฟังคือ ฉันอายมาก เวลาที่เสิร์ชกูเกิลเข้าไปแล้ว พิมพ์หาคำว่า 'อีโง่' แล้วมีหน้า 'ยิ่งลักษณ์' ขึ้นมาเต็มเลย มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ ที่คนเราจะทำได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ใครจะขึ้นไปอยู่ในคำคำหนึ่งขนาดนั้น อายคนเขา ขอให้แผ่นดินไทยได้สูงขึ้นมาสักที เราเป็นคนชั้นสูง เราเป็นปัญญาชน ที่ออกมานั่งทั้งหมด บางคนมีความรู้ไม่เท่ากัน แต่เรามีจิตใจสำนักและความทะเยอทยาน อยากจะยกระดับประเทศเราให้เท่ากับที่อื่น อยู่บนความพอเพียง แต่ไม่ใช่ดิ่งเหว ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ เพราะฉะนั้นไปสักทีนะคะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook