ชอตต่อชอต แตงโม โตโน่ พูดชัดทุกเรื่องไม่อ้อมค้อม

ชอตต่อชอต แตงโม โตโน่ พูดชัดทุกเรื่องไม่อ้อมค้อม

ชอตต่อชอต แตงโม โตโน่ พูดชัดทุกเรื่องไม่อ้อมค้อม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แตงโม โตโน่ ตอบทุุกคำถามชัดเจนไม่อ้อมค้อม อยากพูดมาแล้วแต่ไม่มีโอกาส 

คำสัมภาษณ์ของ แตงโม ภัทรธิดา และ โตโน่ ภาคิน ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งคู่พูดตรงกันว่าทุกอย่างอยากพูดมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส ขอพูดทีเดียวแบบชัดเจนและตรงไปตรงมา

วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหมือนทั้งคู่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ แล้ว

แตงโม - สำหรับโมนะคะคือโมเป็นคริสเตียนมาตั้งนานแล้ว มันก็มีบ้างที่โมห่างจากพระเจ้า และโมเป็นลูกที่เกเรสำหรับพระเจ้า โมถูกเรียกกลับมาอีกครั้งนึง โดยพระองค์ให้โอกาสโมเสมอไม่ว่าจะเป็นครั้งที่ตอนนั้นโมประสบอุบัติเหตุ ครั้งนั้นพระองค์ก็เรียกโมกลับไปใกล้ชิดกับพระองค์เหมือนเดิม แต่มันก็มีบางช่วงที่โมแอบเหลวไหลออกมาอีก ก็ห่างจากพระองค์อีก แล้วมีความมหัศจรรย์อย่างนี้ที่พระเจ้าสำแดงให้โมเห็น แล้วทุกคนเห็นว่าพระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเราและให้อภัยเราเสมอ พร้อมที่จะให้เราดำเนินชีวิตต่อไปในทางที่ดีขึ้น คือพระเจ้าได้ส่งพี่โน่มาอย่างที่ทุกคนเห็นว่าทำไมเราถึงได้มีความผูกพันธ์ใกล้ชิดกัน สนิทสนมกัน และมีความสัมพันธ์ที่เร็ว พระเจ้าเรียกโมในแบบที่แปลกมาก พี่โน่เป็นชาวพุทธแล้วก็มาคบกับโม แล้วอยากทำให้โมมีความสุข วันนึงก็เลยรู้สึกว่าอยากจะให้โมมาโบสถ์ เพราะโมเองก็เป็นคนศาสนาคริสต์อยู่แล้ว แล้วพี่โน่ก็อยากจะทำให้โมได้ทำอะไรให้มันสมบูรณ์แบบในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องออกกำลังกายหรืออะไรก็ตาม อยากจะพัฒนาชีวิตโมว่างั้นเถอะ พระเจ้าก็ส่งพี่โน่มาเป็นคนกลางให้โมมาโบสถ์ ทำให้โมได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น พี่โน่เองก็ได้รู้จักกับพระองค์ และได้รับเชื่อ ได้เชื่อใจในพระเจ้าและได้มีวันนี้

ตัวโมเองก็รู้สึกว่าอะไรที่มันผ่านมาแล้ว อย่างที่พระองค์ได้เคยสอนว่า อะไรที่มันผ่านมามันเป็นสิ่งที่เป็นอดีต ถ้าเราชดใช้ในสิ่งที่เราเคยทำไม่ดี เรากลับไปชดใช้ แล้วก็กลับไปขอโทษ กลับไปชดใช้ให้กับคนที่เราทำไม่ดี หรือคนที่เกลียดเรา หรือว่าคนที่ทำไม่ดีต่อเรา เราทำไม่ดีต่อเขา โมขอใช้โอกาสนี้ในการขอโทษพี่ ๆ สื่อ และขอโทษพี่ๆทุกคนหรือว่าขอโทษบุคคลใดก็ตามที่โมเคยเดินชน หรือโมเคยเหยียบเท้าเขา หรือใครก็ตามที่โมเคยทำอะไรไว้ก็ตาม ใช้โอกาสนี้ในการขอโทษ (เสียงสั่น) แล้วก็ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรทุกๆคนเหล่านั้น อาจจะแอนตี้โมก็ตาม หรือว่าเกลียดโมหรืออะไรก็ตาม พระเจ้าสอนให้โมรู้จักให้อภัย สอนให้โมรู้จักรัก ทุกคนจะเห็นได้ประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ว่าโมเปลี่ยนไปมากๆในการใช้อารมณ์ หรือใช้สติในการตอบโต้ มีความสุขขึ้นมากในชีวิตโม โมเปลี่ยนไปได้ซักพักแล้ว ทุกคนก็คงจะได้เห็นว่าทำไมโมเป็นคนที่ยุไม่ขึ้นเหมือนเดิม ทุกอย่างคือการอวยพรจากพระเจ้าจนถึงวันนี้ การลงไปในน้ำได้ทิ้งชีวิตเก่าๆทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในอดีต ไม่ใช่ว่าการทิ้งทุกอย่างจะเป็นการลืม แต่ว่าเมื่อโมมีชีวิตใหม่แล้ว โมก็จะทำชีวิตภายใต้องค์พระผู้เป็นเจ้า บอกต่อข่าวดีข่าวประเสิรฐต่อไป เพราะพระเจ้าทรงเลือกโมและพี่โน่ ที่จะเป็นคนที่จะบอกข่าวประเสิรฐแก่ทุกคนให้มาเป็นลูกของพระเจ้า

สำหรับคนที่เปิดใจหรือไม่เปิดใจก็ตามยังไงก็จริงๆแล้วศาสนาเราเป็นคนกลุ่มน้อยในเมืองไทย แต่ว่าก็ไม่อยากจะให้ทุกคนลบหลู่ เหมือนที่เราก็ให้เกียรติกับทุกๆศาสนาค่ะ ไม่อยากให้นึกว่าเรางมงาย หรือว่าต่างคนก็ต่างมีความเชื่อ เราเองก็ให้เกียรติกับทุกๆศาสนา ต่อไปนี้โมจะเป็นคนใหม่ โมจะเปลี่ยนไป แล้วก็โมมีความสุขมาก โมมีความสุขทั้งฝ่ายเนื้อหนังและฝ่ายวิญญาณ โมขอบคุณพี่ๆทุกคนมากที่ให้โอกาส (ร้องไห้) ที่ให้โมมีวันนี้ ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่จะไม่รักและไม่สนับสนุนโมเลยด้วยซ้ำ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความทุกข์ หรือว่าเป็นความเป็นคลื่นลมที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างถือเป็นบททดสอบของพระเจ้า เพราะว่าเราจะอยู่กับมันแบบอวยพรเขา ให้อภัยเขา และอยู่กับมันอย่างมีความสุขในแนวทางของพระองค์ได้มากแค่ไหน สิ่งที่พระองค์ประสงค์มากที่สุดคือให้เราทำตัวดำเนินตามเหมือนพระคริสต์ให้มากที่สุด แล้วโมจะพยายามทำแบบนั้น แล้วก็ถ้าต่อไปนี้มีอะไรผิดพลาดก็ตักเตือนกันได้ โมก็จะรีบหันกลับมาทางของพระคริสต์โดยเร็วที่สุด

โตโน่ - ครับ ก็มีความสุขครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณพี่ๆมาก อย่างที่ผมบอกไว้ในไอจีผมว่าตัวผมเองยังเป็นคนบาป ทั้งผมและโม เคยทำสิ่งที่ทั้งดีและไม่ดี อะไรที่เคยทำสิ่งไม่ดีไป ทำให้แฟนๆทำให้ใครก็ตามแต่ต้องเสียใจทั้งทีโมกับผมตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผมขอโทษที่ทำไปในสิ่งที่เรายังเป็นคนที่ยังไม่ได้ดีพร้อม แต่ว่าทั้งผมและคนรักของผม ครอบครัวผมจะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆวัน ถ้าเกิดว่ามีอะไรที่อยากจะตักเตือนสั่งสอน พวกเราก็พร้อมที่จะรับฟัง แต่ถ้าเกิดว่าวันไหนที่เราทำพลาดก็ขอโทษด้วยสำหรับที่ผ่านๆมา ขอบคุณพี่ๆสื่อที่เอ็นดูเรา ที่มาในงานวันนี้ ตัวของผมเอง ผมมีความสุขแล้ว ในการที่ผมได้เห็นคนที่ผมรักมีความสุข ในการที่ผมได้เห็นตัวของผมมีความสุข ขอบคุณมากๆ

แสดงว่าหลังจากนี้ทำอะไรจะคิดให้มากขึ้น
แตงโม - เราจะดำเนินชีวิตเหมือนที่พระคริสต์ดำเนินชีวิตค่ะ ในคัมภีร์สอนไว้เยอะมากๆในการดำรงชีวิต ทุกบททุกตอนของพระคัมภีร์หรือว่าสิ่งที่เราอธิษฐานแล้วท่านแนะแนวทางมาทุกอย่าง เราจะดำเนินตามนั้นเลยค่ะ

ก่อนหน้านี้โมกับโน่ได้มีการพูดคุยกันก่อนมาทำพิธีในวันนี้หรือเปล่า
แตงโม - เราคุยเรื่องนี้กันมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่เราหมั้นกัน พี่โน่ได้รับเชื่อว่าเป็นคริสเตียนแล้ว หลังจากวันนั้นเราก็ได้ใช้ชีวิตคริสเตียนค่ะ บางทีเราไม่ได้ไปเข้าโบสถ์ เราก็ไปเข้ากลุ่มเซลล์ของบริษัทเลิฟอีสของพี่บอยค่ะ ก็จะมีกลุ่มเซลล์ที่ไม่ได้มีโอกาสไปเข้าโบสถ์วันอาทิตย์เหมือนคนอื่น ก็จะไปเข้าที่โน้น ก็มีอาจารย์ธงชัยเป็นคนนำประชุม เป็นคนสอนพระคัมภีร์เป็นคนเทศนา ที่นั่นก็จะมีพี่บอยและอีกหลาย ๆ ท่านมาก ๆ เลย ก็เป็นอะไรที่อบอุ่นมาก แล้วโมรู้สึกได้เลยว่าชีวิตที่เปลี่ยนไปของโมและพี่โน่ไม่รู้สิ มันเป็นอะไรที่โมเองก็ต้องขอบคุณความอัศจรรย์ที่พระเจ้าให้โมมา โมสามารถที่จะละทิ้งในบางอย่าง โมสามารถที่จะเป็นคนดีขึ้นได้ โมเป็นคนที่สามารถมีความสุขขึ้นมาได้จริงๆค่ะ ขอบคุณพระเจ้ามากๆเลยค่ะ

เหมือนโตโน่จะยิ้มกับท่อนที่โมพูดเมื่อสักครู่
โตโน่ - ไม่มีอะไรมีความสุขไปกว่าเราเห็นแฟนเราเปิดใจ แล้วก็ก้าวเดินไปด้วยกัน ในทางที่ถูก ในทางที่ดี เปิดใจในทุกๆเรื่อง ผมไม่ได้พูดถึงในเรื่องของ ผมพูดถึงในทุกๆเรื่อง อย่างที่ผมพูดในตอนต้น ผมมีความสุขแล้ว วันนี้นะครับ ในการที่เรานับถือศาสนาหรือเดินตามทางของพระเจ้า เดินตามทางที่ดี ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำได้ทุกข้อหรอก แต่มันคือการขัดเกลา อย่างน้อย ๆ ก็เป็นแนวทาง มีอะไรให้เตือนจิตเตือนใจให้เราสองคน แต่วันนี้ผมคิดว่าทุกๆคนถ้าเกิดใครได้ฟังอยู่ ก็รับในส่วนที่ดี แล้วก็ไม่มีอะไรจะพูด วันนี้มีความสุขแล้ว ที่ได้เห็นครอบครัวของโม เป็นวันแรกที่ได้เจอญาติของโมทั้งหมด เป็นญาติทางคุณพ่อครับ ได้เห็นคุณพ่อยิ้ม ได้เห็นคุณพ่อมีความสุข คุณพ่อโมก็เหมือนคุณพ่อผมแหละ โมก็เป็นแฟนผม ผมก็มีความสุขที่ได้เห็นเขามีความสุข ผมดีใจที่เห็นพี่ๆสื่อมา ผมดีใจที่เห็นความสัมพันธ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วจะพยายามเป็นครอบครัวที่ดี จะพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆวัน ขอบคุณทุกคนนะครับ แล้วก็ขอบคุณพระเจ้า

หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมีอะไรที่ต้องปรับตัวกันอีกหรือเปล่า
โตโน่ - ก็คงต้องมีไปเรื่อย ๆ ถ้าเรายังยึดในหลักคำสอนที่ดี
แตงโม - ในพระคัมภีร์ในศาสนาคริสต์นะคะ บอกว่าคนไหนที่ประกาศตนว่าเป็นคู่รักกันแล้ว ให้พระเจ้านำทางในคู่รักแล้ว ห้ามเลิกกัน หรือว่าถ้าเลิกกันฝ่ายหญิงห้ามมีครอบครัวใหม่ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะเลิกกันหรอกค่ะ เราอยู่ในเส้นทางของพระเจ้าแล้ว เรายิ่งรู้สึกว่าเราได้รับพรจากพระองค์ เพราะว่าตั้งแต่เราใกล้ชิดกับพระเจ้า เราคุยกันมากขึ้น เรารักกันมากขึ้น ในคุยกันในทางที่อารมณ์ดีมากขึ้น จากที่บางครั้งเราในเรื่องที่ไม่เหมาะสม จังหวะที่ไม่ดีหรือว่าโมจะรู้ตัวโมเองเลยว่าบางทีจังหวะพูดโมไม่ดี หรือว่าคำพูดที่พูดออกไปมันไม่สมควร อะไรแบบนี้ค่ะ คือพระเจ้าทำให้โมเปลี่ยนไปเยอะมาก ตั้งแต่โมใกล้ชิดกับพระองค์ พระเจ้าทำให้โมมีความพูดที่อ่อนหวานขึ้น

โตโน่ - ผมดีใจจังเลยครับ

วางแผนอนาคตกันไว้ยังไง
โตโน่ - เป็นคนดีครับ ทำในสิ่งที่ดี ช่วยเหลือคนที่เราสามารถช่วยเหลือได้ ช่วยเหลือสังคม ไหนๆเราได้มารู้จักกันแล้ว ได้เกิดมา ได้มายืนอยู่ตรงนี้ มันต้องเสียสละอะไรมากมาย และต้องอดทนให้ได้มากกว่าคนอื่น
แตงโม - สำหรับโมก็สำหรับการวางแผนของโม คือถ้าในเมื่อเรามีชีวิตใหม่แล้ว ถ้าเราประกาศตัวแล้วว่าจะดำเนินตามแผนของพระองค์โมก็คงต้องทำหน้าที่หลักในการเป็นมนุษย์ที่พระองค์ทรงให้ชีวิตเรามา ก็คือการบอกข่าวประเสริฐข่าวดีกับทุกคน

ข่าวดีที่ว่าคือการแต่งงานหรือเปล่า
แตงโม - ข่าวดีที่ว่าเกี่ยวกับศาสนา เกี่ยวกับว่าพระองค์ทรงรักศาสนาอย่างไร แล้วก็อย่างที่อาจารย์ได้บอกว่าพระองค์รักทุกคน พระองค์ไม่เคยแยกคนบาปกับคนดีออกจากกัน พระองค์รักทุกคนและพร้อมที่จะให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของทุกคนไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม

หลายคนรอฟังข่าวดีอยู่ปีนี้จะได้เห็นหรือเปล่า
โตโน่ - ไม่ได้คิดครับ ผมว่าข่าวดีก็มีเยอะแล้วนะ ทั้งงานหมั้นหรืออะไรก็ตามแต่ ผมมีความสุขในทุกๆวันเลย ตอนนี้คงเป็นในเรื่องของอธิษฐานเผื่อ ให้บ้านเมืองมันดี ให้คนรอบข้างดี

ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเรื่องท้องออกมา
แตงโม - เวลามันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วค่ะ
โตโน่ - การที่เราคบกัน การที่ผมหมั้น
แตงโม - ติดตามในรายการวู๊ดดี้คืนนี้ค่ะ

อยากฝากอะไรถึงคนที่ยังไม่เข้าใจในชีวิตคู่ของเราบ้าง
โตโน่ - ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเวลาคงจะเป็นตัวพิสูจน์

ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันที่เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วทั้งคู่อยากบอกอะไรกันและกันบ้าง
แตงโม - ก็ถ้าบอกพี่โน่ก็อยากขอบคุณพี่โน่ที่มาเป็นคนเชื่อมให้โมมาสนิทกับพระเจ้าเหมือนเดิม อยากบอกพี่โน่ว่าอยากให้พี่โน่ศึกษาและทำความเข้าใจกับพระเจ้าให้มากขึ้นกว่านี้ ได้เป็นลูกที่ดีของพระองค์ อยากให้พี่โน่ขยันอ่านคำอธิษฐาน ขยันอ่านพระคัมภีร์ จะได้นำทุกๆสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เรา ที่ให้ชีวิตใหม่เราในวันนี้ ไปบอกข่าวดีข่าวประเสิรฐกับทุกคน เราจะได้พบข่าวดี พบความสันติสุขในชีวิตที่แท้จริง เพราะตัวพี่โน่เองจะเป็นคนที่เครียดและคิดมาก เขาจะคิดมากในอนาคต ถ้าเรามีพระเจ้าในใจแล้วอยากให้พี่โน่พอประมาณพอสมควร อยากให้วางใจในพระองค์ พระเจ้ามาทันเสมอ พระเจ้าไม่เคยทิ้งใครค่ะ

โตโน่ - รักโมครับ รักมาก เราได้เดินในทางที่ดีแล้ว ทำให้มากกว่าพูด ทำในสิ่งที่เราเชื่อ รักและให้อภัยกับทุกๆคน แม้ว่าสิ่งนั้นเขาจะข่มเหงเรา เข้าใจเราหรือไม่เข้าใจเรา จงเมตตา รักเขา และจะเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข

สรุปงานแต่งหรืองานหมั้น 

แตงโม ในพระคัมภีร์ไม่ได้กำหนดรูปแบบว่างานแต่งงานหมั้นจะต้องเป็นแบบไหน จะจัดแบบเล็กหรือไม่เชิญใครมาเลยก็ได้ สิ่งที่โมตั้งใจคือขั้นตอนของความถูกต้อง คอนเซ็ปต์อีกอย่างคืออยากให้อบอุ่นกับคนที่รักเราและเรารักเขา  เพื่อนคนไหนที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการความรักของเรา โมขออนุญาตไม่เชิญ อยากให้รู้จักเราทั้งคู่ค่ะ  

โตโน่ ที่กันต์กับริท ไม่ได้มาเพราะเขาไม่รู้จักโมครับ หลังจากนั้นผมก็คุยปกติครับ มีงอนครับเป็นธรรมดาใครจะมาคิดติ๊งต๊องแบบพวกเรา (หัวเราะ) เพื่อนโมถึงขั้น unfollow ในอินสตราแกรมเลย 

แตงโม  คนเราถ้ารักกันจริง ถ้าสุขเราควรจะยินดีกับเขาค่ะ 

เจอกันประใจแตงโม เพราะอะไร 

โตโน่ ที่ผ่านมาผมเคยมีแฟนนะครับ แต่กับแตงโมมันไม่เหมือนกัน เมื่อไหร่ถ้าเราศรัทธาไม่ได้เอาอะไรมายึดติดมันมาจากความเชื่อมั่นของเราเอง ผมศรัทธาในความรักของผมกับผู้หญิงคนนี้ ผมไม่เคยคิดจะผิดคำสัญญา คำสาบานของตัวเอง ผมไม่เคยพูดที่ไหนเพราะถ้าพูดไปอาจจะไม่เข้าใจผม 

 

 

 

 

 

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ ชอตต่อชอต แตงโม โตโน่ พูดชัดทุกเรื่องไม่อ้อมค้อม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook